
Study in Australia
ข้อมูลทั่วไปประเทศออสเตรเลีย
ออสเตรเลีย Australia ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย ลักษณะประเทศเป็นเกาะ ออสเตรเลียเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ การปกครองระบอบประชาธิปไตย มีสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษเป็นประมุข นายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายบริหารประเทศ
ปัจจุบันออสเตรเลียมีประชากรกว่า 24 ล้านคน อาศัยอยู่หนาแน่นแถบชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ประกอบด้วยคนจากหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรมกว่า 140 ประเทศที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตลอด 50 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสังคมแบบสหวัฒนธรรม ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงและตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก พื้นที่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะตอนกลางของประเทศเป็นทะเลทรายแห้งแล้ง และทุรกันดารเรียกว่า “เอาต์แบ็ก” ประชากรออสเตรเลียส่วนใหญ่จึงอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลทั้งทางทิศตะวันออก และตะวันตก พื้นที่ของเกาะมีประมาณ 7.6 ล้านตารางกิโลเมตร


รัฐ และเมืองต่างๆ
ออสเตรเลียปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย และเป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ประกอบไปด้วยรัฐ 6 รัฐ และเขตปกครองตนเอง 2 มณฑล แต่ละรัฐมีเมืองหลวงเป็นของตนเอง โดยเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครองของออสเตรเลีย คือ กรุงแคนเบอร์รา (Canberra) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของออสเตรเลียนแคปปิตอลเทอร์ริทอรี่ (Australian Capital Territory)
• นิวเซาท์เวลส์ New South Wales (NSW) เมืองหลวงคือ ซิดนีย์ (Sydney)
• ควีนส์แลนด์ Queensland (QLD) เมืองหลวงคือ บริสเบน (Brisbane)
• วิกตอเรีย Victoria (VIC) เมืองหลวงคือ เมลเบิร์น (Melbourne)
• แทสมาเนีย Tasmania (TAS) เมืองหลวงคือ โฮบาร์ต (Hobart)
• เซาท์ออสเตรเลีย South Australia (SA) เมืองหลวงคือ อะดิเลด (Adelaide)
• เวสเทิอร์นออสเตรเลีย Western Australia (WA) เมืองหลวงคือ เพิร์ท (Perth)
• นอร์ทเทิร์นเทอริทอรี Northern Territory (NT) เมืองหลวงคือ ดาร์วิน (Darwin)
• ออสเตรเลียนแคปปิตอลเทอร์ริทอรี่ Australian Capital Territory (A.C.T.) เมืองหลวงคือ กรุงแคนเบอร์รา (Canberra) เมืองหลวงของประเทศออสเตรเลีย
สภาพภูมิอากาศ & ฤดูกาล
ออสเตรเลียแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐและพื้นที่ สภาพอากาศทั่วไปจะเป็นแบบเขตร้อนจนถึงเขตอบอุ่น โดยตอนบนของประเทศจะมีอุณภูมิที่สูงกว่าตอนล่างเพราะอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่า โดยอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่รัฐ Tasmania ประมาณ 0-12 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดที่ตอนบนของรัฐ Queensland, Northern Territory และ Western Australia ประมาณ 33-34 องศาเซลเซียส
• ฤดูร้อน (Summer) : เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
• ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
• ฤดูหนาว (Winter) : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
• ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) : เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน
เวลา
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้าง จึงมีความแตกต่างของเวลาตามมาตรฐานกรีนิช (Greenwich Mean Time, GMT) โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 โซน ดังนี้
• Eastern Standard Time-EST (GMT+10) เร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ New South Wales, Victoria, Tasmania, Queensland และ Canberra (เช่น เมือง Sydney, Melbourne, Brisbane และ Gold Coast)
• Central Standard Time – CST (GMT+9.5) เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ในรัฐ South Australia และเขตปกครอง Northern Territory (เช่น เมือง Adelaide)
• Western Standard Time – WST (GMT+8) เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้ในรัฐ Western Australia (เช่น เมือง Perth)
(**ประเทศไทยอยู่ในเขตเวลาที่ GMT+7**)
ในแต่ละปีจะมีช่วงที่เรียกว่า Daylight Saving ที่ประเทศออสเตรเลียจะมีเวลาในช่วงกลางวันยาวนานกว่าในช่วงกลางคืน ดังนั้น ในรัฐ Victoria New South Wales, South Australia และ Tasmania จึงมีการประกาศปรับเวลาให้เร็วขึ้นจากเดิมอีก 1 ชั่วโมง ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงมีนาคมของทุกๆ ปี
สกุลเงิน
สกุลเงินตราของประเทศออสเตรเลีย คือ ดอลลาร์ ค่าเงินต่าง ๆ แบ่งได้ดังนี้
• เหรียญสีเงิน 5 เซ็นต์, 10 เซ็นต์, 20 เซ็นต์, 50 เซ็นต์
• เหรียญสีทอง 1 ดอลลาร์ , 2 ดอลลาร์
• ธนบัตร 5 ดอลลาร์* , 10 ดอลลาร์* , 20 ดอลลาร์ , 50 ดอลลาร์* , 100 ดอลลาร์
ISO code : AUD
สัญลักษณ์ : $ หรือ A$, AU$


ระบบไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทยแต่จะใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ซึ่งต่างจากบ้านเราหากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วยควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้า 3 ขา โดยแนะนำให้นำปลั๊กสามตาไปด้วยเพื่อต่อพ่วงเพื่อที่จะสามารถใช้ชารจ์ไฟฟ้าได้หลายอย่างในครั้งเดียวกัน หากไม่ได้นำติดตัวไปสามารถซื้อได้ที่ร้านจีนในออสเตรเลีย ราคาอันละประมาณ 5-10 เหรียญ หากมีอุปกรณ์ไฟฟ้าจากประเทศไทยจะไปใช้ที่นั่นควรเตรียม Universal Adapter (หัวแปลงปลั๊กไฟ) ไปด้วยก่อนออกเดินทาง
น้ำประปา
การประปาของประเทศออสเตรเลียมีระบบการท่าน้ำประปาที่สะอาดมาก ซึ่งเราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำตามบ้านหรือสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านการกรองได้ โดยสามารถดื่มได้เฉพาะน้ำเย็นเท่านั้น ส่วนน้ำร้อนนั้นไม่ควรดื่ม เพราะมีการเติมสารเคมี
อาหาร
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรม และการกินของชาวออสเตรเลียนอย่างแท้จริง แนะนำให้ไปลองชิมอาหารพื้นเมืองออสเตรเลียขนานแท้อย่าง Shepherd Pie หรือจะเป็นอาหารจานโปรดของชาวออสเตรเลีย เช่น Vegemite ถ้าเอ่ยถึงของหวานก็จะเป็น Lamington หรือ Lemmington ซึ่งนิยมทานกับน้ำชาหรือกาแฟยามบ่าย นอกจากนี้ในออสเตรเลียยังมีภัตตาคาร และร้านอาหารไทยอยู่มากมายตามเมืองต่างๆ เพราะมีชาวไทยไปเรียน และไปทำงานกันมาก

การติดต่อสื่อสาร
ไปรษณีย์ : ที่ทำการไปรษณีย์ออสเตรเลีย เปิดทำการเวลา 09.00น. – 17.00 น. วันจันทร์ – ศุกร์ บางแห่งอาจเปิดทำการในวันเสาร์ 09.00 น. -12.00 น. ด้วย นอกจากนี้ไปรษณีย์ออสเตรเลียให้บริการหลายอย่าง เช่น ขายแสตมป์ ซองจดหมาย โปสการ์ด บัตรโทรศัพท์ ขายโทรศัพท์มือถือ และให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ (เช่น บริษัท Western Union) ด้วย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.austpost.com.au
โทรศัพท์ : รหัสทางไกลของประเทศออสเตรเลียคือ 61 ออสเตรเลียมีระบบการสื่อสารที่ทันสมัย การโทรศัพท์แบบใช้สายภายใน เขตจะไม่จำกัดเวลา และมีค่าบริการประมาณ 40 เซ็นต์ การโทร ระหว่างรัฐ และระหว่างประเทศขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ ออสเตรเลียมีผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหลายราย สามารถซื้อโทรศัพท์แบบชำระเงินล่วงหน้าหรือเรียกเก็บเงินภายหลัง โทรศัพท์แบบเติมเงินเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักเรียนมีเงินจำกัด โดยจ่ายเงินซื้อเครื่องโทรศัพท์ (โทรศัพท์แบบการใช้งานธรรมดาสามารถซื้อได้ในราคา ต่ำกว่า 100 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย) แล้วเติมเงินเก็บไว้สามารถใช้ได้หลายเดือน โทรศัพท์มือถือแบบเรียกเก็บเงินส่วนใหญ่จะเป็นการให้ฟรี โดยต้องใช้บริการกับผู้ให้บริการมือถือนั้นๆ เป็นเวลาสองปี ผู้ให้บริการโทรศัพท์รายใหญ่ในประเทศออสเตรเลีย ได้แก่ Telstra, Optus, Virgin Mobile และ Vodafone
การโทรออกต่างประเทศ: สำหรับการโทรออกไปต่างประเทศจากออสเตรเลีย กดรหัส (0011) + รหัสประเทศ + รหัสพื้นที่ (ถ้ามี) + หมายเลขโทรศัพท์
การโทรภายในประเทศ : สำหรับโทรออกภายในประเทศออสเตรเลีย กดรหัสพื้นที่ (หากจะโทรไปยังพื้นที่อื่น หรือ โทรต่างรัฐ) + หมายเลข โทรศัพท์ รหัสพื้นที่สำหรับรัฐต่างๆ มีดังนี้
(02) รัฐนิวเซาธ์เวลส์, ออสเตรเลียน แคปิตอล แทริทอรี่
(03) รัฐวิกตอเรีย, รัฐแทสมาเนีย
(07) รัฐควีนส์แลนด์
(08) รัฐเซาท์ออสเตรเลีย, รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียและ นอร์ทเทิร์นแทริทอรี
การเดินทาง
ขนส่งมวลชน
ทุกเมืองของประเทศออสเตรเลีย ล้วนมีบริการระบบขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งสิ้น แต่จะเดินทางด้วยวิธีการใดให้ถึงจุดหมายรวดเร็วที่สุดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ การเดินทางที่เราแนะนำเป็นพิเศษ คือ รถบัส วิ่งครอบคลุมแทบทุกพื้นที่และสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในเมือง แถมยังมีราคาประหยัดกว่าแท็กซี่มากทีเดียว ทุกเมืองจะมีสถานีรถบัสเป็นของตัวเอง ซึ่งคุณสามารถเข้าไปหาข้อมูลเส้นทางการเดินรถ และราคาตั๋วได้จากจุดประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้อีกด้วย เช่น ตั๋วราคาพิเศษสำหรับนักศึกษา ตั๋วรายสัปดาห์ หรือตั๋วรายเดือน ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้พอสมควรแต่ถ้าเดินทางพร้อมกันหลายคน บางทีการใช้บริการแท็กซี่แล้วหารค่ารถกันก็อาจจะเสียเงินพอๆ กับรถบัส แต่ได้ความสะดวกสบายมากกว่า แท็กซี่ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ช่วงแรกที่มาถึงประเทศออสเตรเลียใหม่ๆ คุณควรหาข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ข้อมูลบางอย่าง เช่น เบอร์โทรศัพท์ของบริษัทแท็กซี่ ควรสอบถามจากเพื่อนที่เคยใช้บริการเอาไว้บ้าง เผื่อสักวันอาจจำเป็นต้องใช้กระทันหัน คุณจะได้มั่นใจว่าแท็กซี่ที่เรียกมานั้นเชื่อถือได้ และปลอดภัย หลายเมืองในประเทศออสเตรเลีย ส่งเสริมให้ประชาชนใช้จักรยานเป็นยานพาหนะในการเดินทาง เพื่อความสะดวก ประหยัด ช่วยลดมลพิษ และยังเป็นการออกกำลังกายอีกด้วย
รถไฟ
รถไฟของออสเตรเลียเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพสูง จึงเหมาะสำหรับการเดินทางข้ามเมืองเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณจะต้องการเดินทางไป Sydney, New South Wales หรือ Newcastle ก็ล้วนแล้วแต่มีรถไฟให้บริการทั้งสิ้น และหากซื้อตั๋วรายเดือน หรือตั๋วสำหรับท่องเที่ยว ก็จะมีส่วนลดให้ด้วย เงื่อนไขเกี่ยวกับการให้บริการจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทางของคุณ ถ้าคุณเดินทางไปกลับภายในวันเดียวแบบมีกำหนดเวลาแน่นอน ก็อาจจะซื้อตั๋วแบบไปกลับเอาไว้เลยตั้งแต่ขาไป นอกจากนี้บางเมืองอาจจะมีส่วนลดค่าตั๋วให้กับนักศึกษาด้วย คุณควรลองสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานี
การเดินทางข้ามเมือง
อีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะแก่การเดินทางข้ามเมืองก็ คือ รถโค้ช ซึ่งมีจุดหมายปลายทางให้เลือกหลากหลายมาก และโดยส่วนมากจะมีราคาตั๋วถูกกว่ารถไฟ แต่ก็จะใช้ระยะเวลาในการเดินทางนานกว่า ผู้ที่จะเดินทางโดยรถโค้ชจึงอาจจะต้องเป็นคนที่มีเวลาว่างหรือไม่รีบร้อนมากนักถึงแม้การเดินทางข้ามเมืองด้วยรถไฟจะมีราคาแพงกว่ารถโค้ช แต่ก็มีหลายวิธีมากที่จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคุณถูกลงได้ เช่น การวางแผนซื้อตั๋วล่วงหน้าส่วนใหญ่ก็จะได้ราคาตั๋วที่ถูกกว่าซื้อในวันเดินทาง หรือบางทีก็อาจจะมีโปรโมชั่นลดราคาสำหรับคนที่ซื้อตั๋วพร้อมกันหลายใบด้วยบางครั้งการเดินทางของคุณก็อาจจะต้องใช้ระบบขนส่งมวลชนมากกว่า 1 ประเภท ในกรณีนี้คุณก็ต้องหาข้อมูลให้ดีว่า จะมีตั๋วแบบที่ซื้อครั้งเดียวแล้วเดินทางด้วยรถได้หลายชนิดหรือไม่ จะได้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น หรือในบางกรณีถ้าลองเช็คดีๆ คุณอาจจะพบว่า การซื้อตั๋วแบบไปกลับแยกกัน อาจจะถูกกว่าซื้อตั๋วไปกลับในใบเดียว ก่อนออกเดินทางก็ควรหาข้อมูลด้วยว่า รถโดยสารที่คุณนั่งผ่านเส้นทางไหนบ้าง บางทีคุณอาจพบว่าระหว่างเส้นทางนั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจให้คุณแวะชมเพิ่มขึ้น


Opera House
โอเปร่าเฮ้าส์ เป็นจุดหมายอันดับหนึ่งของออสเตรเลียที่ สถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 20 แห่งนี้สร้างด้วยรายได้จากการขายลอตเตอรี่ และใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 14 ปี ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2007 ที่โอเปร่าเฮาส์นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารจากห้องครัวเวิลด์คลาส ชมการแสดงบัลเลต์ของออสเตรเลีย การแสดงซิมโฟนีออเคสตร้า หรือโชว์ของศิลปินระดับโลก และในช่วงสิ้นปี ไฮไลต์ของที่นี่คือการนับถอยหลังสู่ปีใหม่และพลุอันงดงามตระการตาที่ผู้คนทั่วโลกตั้งตารอชม

Bondi Beach
หาดบอนได ชายหาดโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลสีฟ้าใส และหาดทรายขาว ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในหาดที่มชื่อเสียงที่สุดของออสเตรเลีย และเป็นหาดที่พลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของซิดนีย์ ด้วยการเดินทางที่สะดวก และอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ผู้คนจึงนิยมมาพักผ่อน และเล่นกีฬาโต้คลื่นกันอย่างคึกคัก บ่อยครั้งที่สามารถกระทบไหล่ดาราดังได้ที่หาดแห่งนี้ ชายหาดแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานต่างๆ ตลอดทั้งปี อาทิ Sculpture by the Sea นิทรรศกาลประติมากรรมกลางแจ้งประจาปีที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย Festival of Winds เทศกาลว่าวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

Blue Mountains
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์ไปทางใต้ราว 2 ชั่วโมงด้วยการขับรถในความเร็วปกติ การเดินทางมาชมเสน่ห์ของขุนเขาแห่งนี้สามารถทาได้หลายวิธี เช่นอาจจะใช้บริการรถไฟที่จะมีขบวนรถออกจาก เซ็นทรัลสเตชั่นทุกๆชั่วโมง และในอีก 2 ชั่วโมงต่อมาเมื่อถึงสถานี คาทุมบา (Katoomba Station) ก็มาต่อด้วย Explorer Bus ซึ่งให้บริการออกจากสถานีรถไฟคาทุมบาทุกๆ ชั่วโมงเช่นกัน เริ่มจากเวลา 9.30 น. จนถึงเวลา 16.30 น. การซื้อตั๋วแบบรวมทั้งรถไฟ และรถบัสก็มีให้เลือกในราคาน่าสนใจทีเดียว

Great Ocean Road and Twelve Apostles
เริ่มต้นสำารวจเมลเบิร์นกันด้วยเส้นทางการท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน เพราะถนนเส้นนี้ได้ทอดยาวเลียบชายฝั่งทะเลของเมือง มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ๆ ติดอันดับโลกเลยก็ว่าได้ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ ได้นั่งมองวิวของท้องทะเลสุดกว้างใหญ่ สูดอากาศสดชื่นบริสุทธิ์เข้าปอดกันแบบเต็มที่ อีกทั้งยังได้ยลโขดหินริมทะเลรูปร่างแปลกตาที่เรียกว่า Twelve Apostles มีลักษณะเป็นแท่งหินตั้งอยู่ในทะเลริมชายหาด สามารถมองเห็นริ้วชั้นหินที่สวยงาม เป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นได้อย่างเพอร์เฟกต์สุด

Puffing Billy Railway
ขบวนรถไฟจักรไอน้ำพัฟฟิง บิลลี่ เป็นขบวนและเส้นทางรถไฟเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1900 ตัวขบวนรถไฟสร้างอย่างเรียบง่ายแต่คลาสสิก หน้าต่างเปิดโล่งกว้าง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของป่าฝนอันเขียวชอุ่มของเทือกเขา Dandenong บ้านเรือนผู้คน ฟาร์ม ทุ่งหญ้า ได้อย่างสวยงาม ใคร ๆ ก็อยากซึมซับกับบรรยากาศ จนทาให้ช่วงหนึ่งนั้นมีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถห้อยขาออกมาจากทางหน้าต่างได้ กลายเป็น “รถไฟห้อยขา” อันโด่งดัง (ปัจจุบันไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวห้อยขาออกมานอกหน้าต่าง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย) โดยจะมีสถานีหลักอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ สถานี Belgrave และสถานี Lakeside ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จุดไฮไลต์จะอยู่ตรงจังหวะที่ขบวนรถไฟค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านสะพาน Monbulk Creek Trestle คดโค้งไปตามราง สร้างความหวาดเสียวให้ได้ตื่นเต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ

Brisbane City Hall
ศาลากลางเมืองบริสเบนนี้ตั้งอยู่บนถนน Adelaide มีหอนาฬิกาตั้งเด่นอยู่เบื่องหลังหน้าศาลากลางเป็นจตุรัสคิงจอร์จมีรูปปั้นของ กษัตริย์จอร์จ แห่งอังกฤษตั้งอยู่ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมากมายที่มาเยือนเมืองบริสเบนนี้ ต้องแวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

Roma Street Parkland
สวนสาธารณะอีกแห่งในเมืองบริสเบน ส่วนแห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 สวนแห่งนี้เป็นอีกสถานที่ซึ่งสวยงามมากๆ ประดับไปด้วยดอกไม้ ต้นไม้นานาชนิดมากมาย
รายละเอียดข้อมูลวีซ่า
วีซ่าท่องเที่ยว Visitor Visa
เป็นวีซ่าที่ประสงค์จะเดินทางเข้าออสเตรเลียเพื่อสันทนาการ หรือ เยี่ยมเยียนเพื่อน ญาติพี่น้องรวมถึง
การเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงเวลาสั้นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน หรือการศึกษาในระหว่างปิดภาคเรียนสั้นๆ (น้อยกว่า 3 เดือน) หรือประสงค์ที่จะเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียเพื่อติดต่อด้านธุรกิจเช่นนักธุรกิจเพื่อการติดต่อในหน้าที่เป็นระยะสั้น ๆ รวมถึงผู้ที่เข้าร่วมประชุม ชมงานแสดงสินค้า หรือร่วมสัมมนาอบรม ด้านภาระกิจต่างๆ แต่ผู้วีซ่านี้จะไม่สามารถทำงาน รับค่าจ้างหรือ ให้บริการเปิดขายสินค้า แก่บริษัท ร้านค้า องค์กร หรือบุคคลทั่วไปได้
เกี่ยวกับวีซ่าท่องเที่ยว
• Visitor Subclass 600
• สมัครวีซ่าได้ล่วงหน้า 3 เดือน (ยื่นแบบออนไลน์หรือ paper ก็ได้)
• วีซ่าจะได้รับ 3,6, 12 เดือน สูงสุด 3 ปี (Single entry or Multiple entry)
• อยู่ในออสเตรเลียได้ไม่เกิน 3 เดือน (90 วัน)
• ไม่สามารถทำงานในออสเตรเลียได้
• สามารถลงเรียนคอร์สเรียนภาษาได้ไม่เกิน 3 เดือน (90 วัน)
• สามารถต่อวีซ่าที่ออสเตรเลียได้
• ระยะเวลาการพิจารณาวีซ่า เร็วสุด 1 สัปดาห์ ช้าสุด 1 เดือน
• วีซ่าจะได้รับแบบ E-Visa เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วสามารถเดินทางเข้าออสเตรเลียได้เลย


วีซ่านักเรียน Student Visa
เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้พำนักในออสเตรเลียเพื่อเข้าศึกษาเล่าเรียนแบบเต็มหลักสูตรของสถาบันที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับหลักสูตรการศึกษาในออสเตรเลีย ได้แก่
หลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา หลักสูตรสาขาวิชาชีพและการฝึกอบรมระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา หรือหลักสูตรปรับพื้นฐาน และการศึกษาประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการเทียบระดับวุฒิอย่างเป็นทางการ
เกี่ยวกับวีซ่านักเรียน
• Student Visa Subclass 500 ลงเรียนตั้งแต่ 14 สัปดาห์ขึ้นไป
• สมัครวีซ่าได้ล่วงหน้า 4 เดือน (ยื่นแบบออนไลน์)
• วีซ่าที่ได้รับ คือ ระยะเวลาเรียน ต่ากว่า 10 เดือน + 1 เดือน และ ระยะเวลาเรียน 10 เดือน ขึ้นไป + 2 เดือน
• ทำงานได้ 20 ชม. ต่อสัปดาห์ และทำได้ full time ในช่วงปิดเทอม
• สามารถทำวีซ่าติดตามได้ โดยผู้ถือวีซ่าติดตามทำงานได้เท่ากับนักเรียน
• สามารถต่อวีซ่าที่ออสเตรเลียได้
• สามารถไปเรียนได้ โดยไม่จำกัดอายุ
• ประกัน OSHC Insurance
• E Medical ทำการตรวจสุขภาพ (เรียนเกิน 6 เดือน)
• วีซ่าที่จะได้รับเป็น E-Visa เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วสามารถเดินทางเข้าออสเตรเลียได้เลย
วีซ่าท่องเที่ยวและทำงาน Work & Holiday Visa
เป็นวีซ่าที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยว และสามารถทำงานได้ในประเทศออสเตรเลีย วีซ่านี้
เป็นวีซ่าชั่วคราวที่สนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่แตกต่างและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลีย และประเทศที่เข้าโครงการแลกเปลี่ยน
เกี่ยวกับวีซ่าท่องเที่ยวและทำงาน
• Subclass 400
• อาศัยในออสเตรเลียได้นานถึง 12 เดือน
• ทำงานกับผู้ว่าจ้างคนเดียวกันได้สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
• ผู้สมัครต้องมีอายุไม่ต่ากว่า 18 ปี และไม่เกิน 31 ปี
• สามารถลงเรียนได้ไม่เกิน 4 เดือน
• สามารถเดินทางเข้า/ออกออสเตรเลียได้หลายครั้ง ภายในระยะเวลาที่อนุมัติ
• สามารถยื่นวีซ่ารอบสองได้ กรณีที่ได้ทำงานมาแล้วเป็นระยะเวลา 3 เดือน


13:00 - 17:00
Zoom Meeting