
การทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา ถือเป็นสิ่งที่นักเรียนต่างชาติทุกคนปรารถนาและสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในประเทศของตนเอง สิ่งแวดล้อมการทำงานแบบชาวอเมริกันที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของน้องในทุกๆ ด้าน ทั้ง Soft Skills และ Hard Skills โดยประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้น น้องๆ สามารถนำไปใส่ใน Resume/CV ที่จะทำให้ประวัติการทำงานของน้องแข็งแกร่งและโดดเด่นขึ้นมาได้
ทั้งนี้หากน้องๆ ที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานเก่งเข้าตาผู้จ้างงานในอเมริกา น้องอาจมีสิทธิ์ได้รับการจ้างงานในอเมริกาแบบถาวร และสามารถย้ายถิ่นฐานไปเป็นประชากรในอเมริกาได้อีกด้วย!
นักเรียนต่างชาติที่ถือวีซ่านักเรียนประเภท F-1 ตามกฎหมายแล้ว นักเรียนสามารถทำงานหรือฝึกงานระหว่างการศึกษา และหลังศึกษาจบได้ โดยประเภทของการทำงานในอเมริกาสำหรับนักเรียนต่างชาติ มีดังนี้
On-campus employment
หนึ่งทางเลือกสำหรับนักเรียนต่างชาติ รวมถึงนักเรียนไทย ที่ต้องการจะหารายได้เสริม หาประสบการณ์การทำงานระหว่างเรียนในอเมริกา รวมถึงหาคอนเนคชั่นในมหาวิทยาลัยที่จะช่วยเราในเรื่องอื่นๆ ในอนาคตได้
น้องๆ ที่สนใจทำงานในมหาวิทยาลัย (On-campus) สามารถเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยที่ดูแลนักเรียนต่างชาติ (DSO) ที่จะช่วยแนะนำน้องๆ ในการจัดเตรียมเอกสาร เตรียมความพร้อมในการหางาน และชี้แจงเงื่อนไขต่างๆ ในการทำงานในมหาวิทยาลัยได้ โดยน้องสามารถเริ่มหางานหรือสมัครงานได้ก่อน 30 วันก่อนคลาสเรียนจะเริ่ม และยังสามารถทำงานในมหาวิทยาลัยได้มากกว่า 1 งานขึ้นไป แต่ต้องไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อีกทั้งในช่วงพักร้อนหรือวันหยุดยาว Holidays นักเรียนสามารถทำงานแบบ Full-time ได้เช่นกัน
ตำแหน่งงานในมหาวิทยาลัยที่นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่มักจะทำมีดังนี้
- Administrative Assistant
- Barista
- Bookstore Associate
- Dining Hall Worker
- Fitness/Recreation Center Attendant
- Library Assistant
- Translator/Note-taker
- Peer Tutor
Note: น้องๆ สามารถทำงานนอกเขตมหาวิทยาลัยได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของ on-campus employment โดยงานเหล่านั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักสูตรในมหาวิทยาลัย หรือนายจ้างเป็น affiliate กับทางมหาวิทยาลัย เช่น ตำแหน่ง Research Assistant ในแล็บของเครือมหาวิทยาลัย
Off-campus employment
สำหรับน้องๆ ที่สนใจฝึกงานหรือทำงานนอกรั้วมหาวิทยาลัย ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยสามารถยื่นขอทำงานระหว่างภาคเรียนได้ ซึ่งเรียกว่า Curricular Practical Training (CPT) และสามารถยื่นเรื่องขอทำงานหลังเรียนจบในอเมริกาได้เช่นกัน หรือที่เรียกกันว่า Optional Practical Training (OPT) ที่จะสามารถทำงานได้ถึง 1 ปี และหากนักเรียนเรียนในโปรแกรม STEM สามารถทำงานหลังเรียนจบได้ยาวนานถึง 3 ปี!
Curricular Practical Training (CPT)
น้องๆ สามารถทำ CPT หรือที่เรียกว่าการฝึกงานได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับภาคเรียนปกติ (Fall & Spring) และสามารถทำงานได้แบบเต็มเวลา 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับภาคฤดูร้อน (Summer)
โดยมีเงื่อนไขสำหรับการทำงานระหว่างภาคเรียนดังนี้
- การทำ CPT จะถูกนับเป็นเครดิตการศึกษา และตำแหน่งงานที่ทำต้องเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียน
- นักเรียนต้องเรียนจบ 1 ปีการศึกษาก่อน ถึงจะสามารถยื่นเรื่องขอทำ CPT ได้
- นักเรียนต้องปรึกษากับเจ้าที่ประจำมหาวิทยาลัยที่ดูแลนักเรียนต่างชาติ DSO หรือ Academic Advisor ก่อนจะเริ่มทำงาน ทางเจ้าหน้าที่จะเป็นคนช่วยยื่นเรื่องและเตรียมเอกสารให้
- นักเรียนจำเป็นต้องมี Offer Letter หรือได้งานก่อนที่จะยื่นเรียนขอฝึกงาน/ทำงาน
- หากนักเรียนทำงานระหว่างศึกษา (CPT) แบบเต็มเวลา ในระยะเวลานานกว่า 12 เดือน น้องจะไม่สามารถยื่นเรื่องขอสิทธิ์ทำงานหลังเรียนจบ (OPT) ได้
Note: CPT อาจถูกเรียกหรือใช้คำอื่นแทนที่ โดยแต่ละมหาวิทยาลัยอาจใช้คำไม่เหมือน เช่น Internship หรือ Co-op program
Optional Practical Training (OPT)
หลังจากที่น้องๆ ศึกษาจบในระดับปริญญาในอเมริกาทั้งตรี, โท หรือเอก ก็สาามารถยื่นเรื่องขอทำงานต่อในอเมริกาได้ 12 เดือน โดยการยื่นขอสิทธิ์ทำงานหลังเรียนจบ OPT สามารถทำได้ 2 ช่วงเวลา ดังนี้
- Pre-completion OPT – การทำ OPT ก่อนจบการศึกษา สามารถทำได้หลังเข้าเรียน 1 ปีการศึกษา และทำงานได้ไม่เกิน 20 ชมต่อสัปดาห์ ระหว่างเทอมปกติ และไม่เกิน 40 ชมต่อสัปดาห์ในช่วงปิดภาคเรียน
- Post-completion OPT – การทำ OPT หลังศึกษาจบ สามารถยื่นเรื่องขอ OPT ได้ 90 วันล่วงหน้าก่อนศึกษาจบ หรือหลังศึกษาจบไม่เกิน 60 วัน
ข้อควรรู้/ข้อแนะนำสำหรับ OPT
- ตำแหน่งงานในระหว่างการทำ OPT ต้องเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่เรียน
- การยื่นขอสิทธิ์ทำงาน OPT ไม่จำเป็นต้องมี Offer Letter จากนายจ้างก่อน สามารถยื่นเรื่องได้เลย โดยนักเรียนสามารถเข้าไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย DSO หรือ Academic Advisor
- OPT สามารถทำงานได้ทั้งแบบ Part-time และ Full-time ทั้งยังสามารถทำได้มากกว่า 1 งาน โดยต้องมีเวลาการทำงานมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- นักเรียนจะสามารถทำงานได้หลังจาก OPT Approved และได้รับ EAD Card โดยวันที่เริ่มงาน และสิ้นสุดจะปรากฎอยู่บนบัตร
- เมื่อถึงวันสิ้นสุดใน EAD Card นักเรียนมีเวลา 60 วัน (60-day grace period) ในการหาคอร์สเรียนเพิ่มเติม, ย้ายมหาวิทยาลัย หรือย้ายถิ่นฐานกลับประเทศ
- การยื่นขอสิทธิ์ทำงานหลังเรียนจบ OPT มีค่าใช้จ่าย $410 ที่จะจ่ายให้กับ USCIS
OPT Extension
ข้อดีสำหรับน้องๆ ที่เรียนปริญญาสาย STEM (Science, Technology, Engineering and Mathematics) สามารถยื่นเรื่องของ OPT Extension ทำงานหลังเรียนจบต่อได้อีก 24 เดือน รวมทั้งสิ้น 3 ปี!
- นักเรียนต้องอยู่ในระหว่างการทำ OPT ก่อนจะยื่นขอสิทธิ์ STEM Extension
- การยื่นขอ OPT Extension จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก $410
- หากน้องศึกษาจบในระดับปริญญาตรีสาย STEM และขอสิทธิ์ Extension ในอนาคตเมื่อน้องต้องการศึกษาปริญญาโทสาย STEM ก็ยังขอสิทธิ์ Extension เพิ่มเติมได้เช่นกัน
CPT | OPT |
---|---|
Part-time 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ (Fall & Spring) Full-time 40 ชั่วโมง/สัปดาห์ (Summer) | ทำงานหลังจบการศึกษา ไม่จำกัดชั่วโมงการทำงาน สามารถทำได้มากกว่า 1 งาน แต่ต้องไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ |
ทำงานได้สูงสุด 12 เดือน หากมากกว่านี้จะโดนตัดสิทธิ์ OPT | ทำงานได้สูงสุด 12 เดือน สำหรับโปรแกรม STEM สามารถยื่นเรื่องขอ OPT Extension ได้อีก 24 เดือน รวมทั้งสิ้นทำงานได้ 36 เดือน |
ต้องมี Job Offer ก่อนสมัคร CPT | ไม่จำเป็นต้องได้รับ Job Offer ก่อนยื่น OPT หลังจากได้รับ EAD Card แล้วต้องหางานให้ได้ภายใน 90 วัน |
ไม่มีค่าสมัคร CPT ยื่นเอกสารผ่านมหาวิทยาลัย | มีค่าสมัคร OPT ที่ต้องจ่ายให้กับ USCIS ระหว่างการยื่นเอกสาร $410 สำหรับ OPT Extension ต้องชำระเพิ่มอีก $410 ในตอนยื่นเรื่อง |