ปรึกษาฟรีก่อนตัดสินใจ
Driven by

Study in USA

Study in USA

We have a university and a destination
that is right for you.

ข้อมูลทั่วไป

ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีทิศเหนือติดต่อกับประเทศแคนาดา ทิศใต้ติดต่อกับประเทศเม็กซิโกและอ่าวเม็กซิโก ทิศตะวันออกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก และ ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิก สหรัฐอเมริกามีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล การเดินทางจากฝั่งตะวันออกไปยัง ฝั่งตะวันตกโดยทางรถยนต์ใช้เวลาเกือบ 4 วัน หรือ 5-6 ชั่วโมงโดยสายการบินพาณิชย์ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจาก รัสเซีย และ แคนาดา หรือใหญ่กว่าจีนเล็กน้อย

  • เมืองหลวง : Washington D.C. District of Columbia
  • เมืองสำคัญ : New York, Los Angeles, Chicago และ San Francisco
  • เมืองท่า : Los Angeles, Long Beach, New York, New Orleans, Houston, Seattle และ Miami

ภูมิอากาศ

ประเทศสหรัฐอเมริกา มี 4 ฤดู อุณหภูมิในแต่ละรัฐจะแตกต่างกันออกไป คือ

  • ฤดูใบไม้ผลิ : ช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิโดยทั่วไปประมาณ 9 – 23 องศา
  • ฤดูร้อน : ช่วงเดือน มิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิโดยทั่วไปประมาณ 20 – 34 องศา
  • ฤดูใบไม้ร่วง : ช่วงเดือน กันยายน – พฤสจิกายน อุณหภูมิโดยทั่วไปประมาณ 7 – 25 องศา
  • ฤดูหนาว : ช่วงเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิโดยทั่วไปประมาณ -12 ถึง -8 องศา

 

ฤดูกาล

  • ฤดูหนาว (Winter) (มิถุนายน – สิงหาคม)
  • ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) (กันยายน – พฤศจิกายน)
  • ฤดูร้อน (Summer) (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
  • ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) (มีนาคม – พฤษภาคม)

 

เวลา

เวลาในแต่ละภูมิภาค แบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ ดังนี้

  • ภาคตะวันออก (Eastern) : เวลาช้ากว่าประเทศไทย 12 ชม. เช่น เมือง Boston, D.C., NY
  • ภาคกลาง (Central) : เวลาช้ากว่าประเทศไทย 13 ชม. เช่น เมือง Chicago
  • เขตภูเขา (Mountain) : เวลาช้ากว่าประเทศไทย 14 ชม. เช่น เมือง Denver, Phoenix
  • เขตมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific) : เวลาช้ากว่าประเทศไทย 15 ชม. เช่น เมือง Seattle

 

สกุลเงิน

สกุลเงินประจำชาติสหรัฐอเมริกา คือ ดอลลาร์ (US Dollar, USD, US$) โดยที่ $1 จะเท่ากับ 100 เซ็นต์ (Cents)
ชื่อเล่นที่ชาวสหรัฐอเมริกาเรียกเงินในแต่หน่วย

  • 1 เซนต์ เรียกว่า เพนนี (Penny)
  • 5 เซนต์ เรียกว่า นิกเกิล (Nickel)
  • 10 เซนต์ เรียกว่า ไดม์ (Dime)
  • 25 เซนต์ เรียกว่า ควอเตอร์ (Quarter)
  • 100 เซนต์ หรือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เรียกว่า บั๊ก (Buck)
  • 1000 ดอลลาร์สหรัฐ เรียกว่า แกรนด์ (Grand)

ระบบการศึกษา

ในทุกๆปีนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ให้ความสนใจในการไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเรียนต่อมัธยม
หรือระดับอุมศึกษาเพื่อเตรียมพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ระบบการศึกษาในสหรัฐอเมริกาเชื่อได้ว่า มีประสิทธิภาพสูงในอันดับต้นๆของโลก
ในระดับมหาวิทยาลัยมีสาขาวิชาให้เลือกเรียนมากมาย เเละสถาบันการศึกษาที่น่าสนใจหลายเเห่ง โดยไม่จำกัดว่านักศึกษาที่ไปเรียน
จะต้องเป็นชาวอเมริกันเท่านั้น นักศึกษาสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนได้เพื่อให้ตรงกับสายงาน หรือสายอาชีพในอนาคตได้
ส่วนสาขาที่มีชื่อเสียงในอเมริกานั้นได้เเก่ สาขาการเเพทย์ สาขาเทคโนโลยี สาขาด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ เป็นต้น

ภาคการศึกษาในสหรัฐอเมริกาเเบ่งออกเป็น 3 ประเภท

Semester เป็นระบบที่มีมากที่สุด เเบ่งภาคการศึกษาออกเป็น 3 ภาคการศึกษา

  1. Fall Semester: ปลายเดือนสิงหาคม – กลางเดือนธันวาคม
  2. Spring Semester: ต้นเดือนมกราคม – เดือนเมษายน
  3. Summer Session: กลางเดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม

Trimester ในหนึ่งปีเเบ่งเป็น 3 ภาคเรียน เเต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 3 เดือน
เเบ่งภาคการศึกษาออกเป็น 3 ภาคการศึกษา

  1. First Trimester: เดือนกันยายน – เดือนธันวาคม
  2. Second Trimester: เดือนมกราคม – เดือนเมษายน
  3. Third Trimester: เดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม

Quarter ในหนึ่งปีเเบ่งเป็น 4 ภาคเรียน เเต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 10 สัปดาห์
เเบ่งภาคการศึกษาออกเป็น 4 ภาคการศึกษา

  1. Fall Quarter: เดือนกันยายน – เดือนธันวาคม
  2. Winter Quarter: เดือนมกราคม – กลางเดือนมีนาคม
  3. Spring Quarter: ต้นเดือนเมษายน – เดือนมิถุนายน
  4. Summer Qaurter: กลางเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม

ระดับมัธยมศึกษา (HIGH SCHOOL)

ระดับมัธยมศึกษาเเบ่งออกเป็น 2 ระดับ

  1. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น: Grade 7 (เทียบเท่ากับไทยคือ ม.1) – Grade 8 (เทียบเท่ากับไทยคือ ม.2)
  2. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย: Grade 9 (เทียบเท่ากับไทยคือ ม.3) – Grade 12 (เทียบเท่ากับไทยคือ ม.6)

สำหรับนักเรียนต่างชาติที่เข้าไปเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมที่สหรัฐอเมริกานั้นส่วนใหญ่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชน
(Boarding School) ส่วนนักเรียนไทยที่มาเรียนสหรัฐอเมริกาจะสำ เร็จชั้นม.3 เเล้วจึงเข้าเรียนต่อในชั้น
Grade 10 หรือ ม. 5 ที่สหรัฐอเมริกา

สำหรับวิชาพื้นฐานที่นักเรียนศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ได้เเก่ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา
เเละวิชาพละศึกษาในบางสถาบัน นอกจากนี้ยังมวิชาเลือกให้นักเรียนได้เลือกตามความสนใจอีกด้วย อย่างเช่น วิชาการเเสดง
คอมพิวเตอร์เเละเทคโนโลยี ธุรกิจการศึกษา วิชาศิลปะ เเละวิชาอื่นๆมากมาย

ระดับอุดมศึกษา (Higher Education)

การศึกษาระดับอุดมศึกษาเเบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ

  1. วิทยาลัยระบบ 2 ปี เเละวิทยาลัยชุมชน (Two-Year College and Community College)
  2. วิทยาลัย (College)
  3. มหาวิทยาลัย (University)
  4. สถาบันทางวิชาชีพ (Professional School)

วิทยาลัยระบบ 2 ปี เเละวิทยาลัยชุมชน (TWO-YEAR COLLEGE AND COMMUNITY COLLEGE)

สำหรับระดับนี้นักศึกษาสามารถเลือกเรียนได้ 2 หลักสูตร คือ

  1. Tranferable Programme หลักสูตรนี้จะเป็นหลักสูตรพื้นฐาน 2 ปีเเรกของระดับปริญญาตรี จากนั้นนักศึกษาสามารถโอนหน่อยกิตไปยัง
    มหาวิทยาลัยรัฐ หรือเอกชนเพื่อศึกษาต่อในระดับปี 3 ได้
  2. Terminal/Vocation Track เมื่อนักศึกษาเข้าเรียนเป็นเวลา 2 ปี เเละสำ เร็จการศึกษา นักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา
    (Associate’sDegree) ในสาขาที่เลือกเรียน

วิทยาลัย (COLLEGE)

หลักสูตรนี้ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4 ปี ซึ่งวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเเบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  1. วิทยาลัยรัฐ (State College)
  2. วิทยาลัยเอกชน (Private College)

มหาวิทยาลัย (UNIVERSITY)

  1. ปริญญาตรี ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4 ปี
  2. ปริญญาโท ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 1-2 ปี
  3. ปริญญาเอก ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4-5 ปี

เเละมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเเบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. มหาวิทยาลัยรัฐ (State University)
  2. มหาวิทยาลัยเอกชน (Private University)

สถาบันทางวิชาชีพ (PROFESSIONAL SCHOOL)

หลักสูตรนี้อาจมีระยะเวลาตั้งเเต่ 3-8 ปี โดยระยะเวลาเรียนจะขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เรียน สถาบันวิชาชีพให้การฝึกอบรมเฉพาะด้าน
ให้กับนักศึกษาต่างๆ อย่างเช่น แพทย์ศาสตร์ กฏหมาย เป็นต้น นักศึกษาจะสามารถเข้าเรียนต่อในสถาบันวิชาชีพได้
ก็ต่อเมื่อศึกษาจบปริญญาตรีมาเเล้ว

เอกสารโดยทั่วไปที่ใช้ในการสมัครเรียนระดับปริญญา

  1. ใบสมัครที่ download จาก website ของมหาวิทยาลัย
  2. ค่าธรรมเนียมการสมัครตามเเต่ละสถานศึกษาจะเรียกเก็บ
  3. หลักฐานการศึกษา
  4. จดหมายรับรองทางการเงินของผู้ปกครองจากสถาบันการเงิน
  5. ผลสอบ TOEFL/IELTS
  6. ผลสอบ SAT
  7. ผลสอบ GRE หรือ GMAT (ปริญญาโท)
  8. จดหมายเเนะนำ อย่างน้อย 3 ฉบับจากอาจารย์หรือผู้บังคับบัญชา (ปริญญาโท)
  9. เรียงความประวัติส่วนตัวเเละเหตุผลการไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยจำนวน 300-500 คำ (ปริญญาโท)
Scroll to Top