การที่เราจะได้ การตอบรับจากโรงเรียน Boarding School ที่อังกฤษ ในการรับเข้านั้น นักเรียนจะ ต้องมีหลักฐานรายงานการเรียนย้อนหลังโดยประมาณ 1-3 ปี มี จดหมายอ้างอิงจากโรงเรียนเก่า โดยครูใหญ่จากโรงเรียนเก่าของนักเรียนที่จบมา การสัมภาษณ์กับโรงเรียน และ คะแนนจากการทำข้อสอบของโรงเรียน หรือจากข้อสอบ UKiset test
ส่วนในเรื่องของอายุ พ่อแม่บางคนอาจจะสงสัยว่า ควรจะสมัครเมื่อตอนอายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุด จริงๆแล้วถ้าเป็นอายุที่ให้น้องเข้ามาแล้วได้มีเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหรือมีเวลาในการปรับใช้ภาษาอังกฤษให้คล่องขึ้น ก็จะเป็นช่วงอายุที่ 11ปี(Year 7) และ 13ปี(Year 9)นั่นเอง ได้จนถึงอายุ 18 – 19 ปี รวมระยะเวลาศึกษาทั้งหมด 5 ปี ซึ่งเราจะเรียกว่า “year 9 – year 13” หรือ “Form 3 – Form 6” (สำหรับโรงเรียนที่เรียกระดับชั้นเป็น Form) แต่สำหรับนักเรียนชาวต่างชาติจะมีสิทธิ์เรียนต่อที่ (Independent School) โรงเรียนมัธยมของเอกชนเท่านั้น ซึ่งนักเรียนทุกคนจะต้องทำการสอบวัดผลความรู้ และความสามารถเพื่อนำไปใช้ในการยื่นสมัครเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อไป โดยจะสอบประมาณเดือนมิถุนายน ถึงเดือนกรกฎาคมของทุกปี การสอบจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. GCSE
GCSE ย่อมาจาก (General Certificate of Secondary Education) หลักสูตรนนี้เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีอายุ 16 ปีนักเรียนจะต้องเลือกวิชาสอบ ทั้งหมด 8-12 วิชา โดยวิชาที่นักเรียนสามารถเลือกสอบ เช่น วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ ศิลปะ ฯลฯ
โดยแบ่งผลสอบเป็น 7 ระดับ คือ A B C D E F G (ถ้านักเรียนสอบผ่าน Grade C ขึ้นไปจึงจะถือว่าผ่าน) และสำหรับน้องคนไหนที่ต้องการเรียนต่อในอุดมศึกษาหรือในระดับปริญญานั้นนักเรียนจะต้องเรียนต่อในหลักสูตรที่ชื่อว่า A Level เป็นเวลา 2 ปี โดยที่นักเรียนจะต้องสอบผ่านในระดับ GCSE ได้แล้วอย่างน้อย 5 วิชา


2. A Level
A – Level ย่อมาจาก (Advanced Level) เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป (หลักสูตรระดับชั้นมัธยมศึกษาที่5 และมัธยมศึกษาที่6) มีวิชาให้เลือกกว่า 50 วิชา แต่นักเรียนส่วนใหญ่จะเลือกเรียนเพียงแค่ 2-4 วิชาเท่านั้น เพื่อที่จะได้ศึกษาวิชาได้อย่างเต็มที่เพื่อเป็นการปูพื้นฐานเพื่อการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และการที่นักเรียนจะได้รับการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยนั้น จะต้องได้ผลการสอบในระดับ Grade C ขึ้นไป แต่ในบางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาเฉพาะแค่ผลการสอบในระดับ Grade A และ Grade B เท่านั้น ผลการสอบของหลักสูตรนี้มีทั้งหมด 5 ระดับ A B C D E
การให้คะเเนนเกรดของ A – Level
A* = up to 90%
A = 80% – 89%
B = 70% – 79%
C = 60% – 69%
D = 50% – 59%
E = 40% – 49%
นอกจากนี้หลักสูตร A Level ยังเป็นข้อสอบที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ยิ่งนักเรียนทำคะแนนได้สูงยิ่งมีโอกาสที่นักเรียนจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการทุกแห่งทั่วโลกได้มากขึ้นเท่านั้น
สำหรับการเลือกโรงเรียนเพื่อให้เหมาะสมกับนักเรียนมากที่สุดก็คือการที่ได้เข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนด้วยตัวเอง เพราะการที่เราได้ไปเห็นสภาพแวดล้อม สังคมในโรงเรียน การที่ได้พูดคุยกับครูผู้สอนหรือครูใหญ่ จะทำให้เราได้รู้ว่าโรงเรียนนั้นๆเป็นอย่างไร เหมาะสมกับนักเรียนหรือไม่ ซึ่งจริงๆแล้วการที่เราจะเลือกที่เรียนโดยเลือกจากชื่อดีๆหรือ Ranking นั้น อาจจะไม่ได้เป็นเครื่องตัดสินว่าโรงเรียนนั้นจะเหมาะสมกับนักเรียนเสมอไป
คราวนี้เรามาดูความเเตกต่างค่าเทอมของโรงเรียนานาชาติชั้นนำระหว่างประเทศไทยเเละประเทศอังกฤษกันดูค่ะว่าจะต่างกันมากเเค่ไหน
ค่าใช้จ่าย | โรงเรียนนานาชาติในไทย | โรงเรียนประจำในอังกฤษ |
Registration | ฿5,000 | ฿7,200 |
Acceptance Fee | ฿260,000 | ฿45,600 |
Extra Fee | ฿150,000 | – |
Tiution Fee | ฿909,000 | ฿1,584,000 |
Boarding Fee | ฿575,000 | – |
Annual Fee | ฿20,000 | – |
Books | ฿20,000 | – |
Examination | ฿34,000 | ฿96,000 |
Guardian Fee | – | – |
Air Ticket (3 /Year) | – | – |
Visa Fee | – | – |
Total | ฿1,973,000 | ฿1,732,800 |