เรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์
Study Abroad in New Zealand
เรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์
Study Abroad in New Zealand
ทำไมต้องไปเรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติทั่วโลกในการไป เรียนต่อระดับมัธยม (High School) เพราะที่นี่มีทั้งระบบการศึกษาที่มีคุณภาพระดับสากล ความปลอดภัยสูง และสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการพัฒนาทักษะทั้งด้านภาษา การเรียน และการใช้ชีวิตอย่างอิสระ


ทำไมต้องไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์กับ IEC Abroad Thailand
IEC Abroad บริการแนะแนวและให้คำปรึกษา เรียนต่อมัธยมที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีเเลนด์ เเคนาดา อเมริกา หรือยุโรป
เปิดให้บริการมากว่า 20 ปี ให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 🧡 💜
ติดต่อพี่ๆ IEC โทร. 02-2504585 หรือ Line@: @iecabroadth ได้เลยค่ะ
IEC Abroad เราพร้อมที่จะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อ รวมทั้งการใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายการศึกษา
IEC Abroad ให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
หลักสูตรเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ – New Zealand High School Curriculums
นักเรียนที่วางแผน เรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์ สามารถเลือกได้จากหลักสูตรที่หลากหลายและได้มาตรฐานระดับสากล โดยหลักๆ แล้ว หลักสูตรมัธยมในนิวซีแลนด์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
หลักสูตร NCEA
หรือ National Certificate of Educational Achievement หลักสูตรเฉพาะของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งใช้ในกว่า 95% ของโรงเรียนมัธยมนิวซีแลนด์ ระบบ NCEA มุ่งพัฒนาทักษะทั้งด้านวิชาการและการคิดวิเคราะห์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนก้าวสู่ระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างมั่นใจ
หลักสูตร IGCSE / A-Level
หลักสูตรระดับนานาชาติที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เน้นความเข้มข้นทางวิชาการเฉพาะด้าน นักเรียนสามารถเลือกเรียนตามสาขาความสนใจ เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือศิลปศาสตร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมตัวเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในนิวซีแลนด์และต่างประเทศ
หลักสูตร IB
หลักสูตร IB (International Baccalaureate)
หลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทั่วโลก เน้นพัฒนาทักษะรอบด้าน ทั้งด้านวิชาการ การคิดเชิงวิเคราะห์ และการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพื่อให้นักเรียนเติบโตอย่างสมดุลทั้งความรู้และทักษะชีวิต
โรงเรียนมัธยมนิวซีแลนด์บางแห่งเปิดสอนมากกว่าหนึ่งหลักสูตร โดยเฉพาะในระดับ Year 11 – Year 13 นักเรียนจึงสามารถเลือกหลักสูตรที่เหมาะกับเป้าหมายการเรียนและสไตล์การเรียนรู้ของตนเองได้อย่างอิสระ
ประเภทของโรงเรียนมัธยมในนิวซีแลนด์
โรงเรียนมัธยมในประเทศนิวซีแลนด์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
โรงเรียนรัฐบาล (State School) – ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ค่าใช้จ่ายไม่สูง และมีมาตรฐานการเรียนการสอนที่เข้มงวด
โรงเรียนกึ่งรัฐบาล (Integrated School) – โรงเรียนเอกชนที่เข้าร่วมระบบของรัฐบาล มีแนวการสอนเฉพาะทาง เช่น โรงเรียนคาทอลิก หรือโรงเรียนที่มีแนวทางการเรียนรู้เฉพาะ
โรงเรียนเอกชน (Private School) – โรงเรียนที่มีอิสระในการจัดการเรียนการสอน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และจำนวนเด็กต่อห้องน้อย ทำให้สามารถดูแลนักเรียนได้อย่างใกล้ชิด
โรงเรียนมัธยมในนิวซีแลนด์

จุดเด่นของการเรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์
1. ระบบการศึกษาคุณภาพระดับโลก
ระบบการศึกษาของนิวซีแลนด์ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยกระทรวงศึกษาธิการ (Ministry of Education) ควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวดทุกโรงเรียน นักเรียนมัธยมทุกคนจะได้เรียนในหลักสูตรที่ส่งเสริม การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Independent Learning) ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยในอนาคต
2. มีหลักสูตรให้เลือกหลากหลายและยืดหยุ่น
โรงเรียนมัธยมนิวซีแลนด์เปิดสอนหลายหลักสูตร เช่น NCEA, Cambridge (IGCSE/A Level) และ IB (International Baccalaureate) ทำให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนตามความถนัดและเป้าหมายของตนเองได้ ไม่ว่าจะตั้งใจเรียนต่อใน นิวซีแลนด์ อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา หรือประเทศอื่น ๆ
3. สภาพแวดล้อมปลอดภัย เหมาะกับนักเรียนต่างชาติ
นิวซีแลนด์ติดอันดับประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ผู้คนเป็นมิตร และสังคมเปิดรับความหลากหลาย ทำให้นักเรียนต่างชาติสามารถปรับตัวได้ง่าย และรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน อีกทั้งโรงเรียนยังมีระบบดูแลนักเรียน (Pastoral Care) ที่เข้มงวด ทั้งด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ และความปลอดภัย
4. พัฒนาภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ
การเรียนและใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน ช่วยให้นักเรียน พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน และยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมการสื่อสารแบบเจ้าของภาษาอีกด้วย
5. ค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
เมื่อเทียบกับประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา หรือแคนาดา ค่าเรียนและค่าครองชีพในนิวซีแลนด์ถือว่าอยู่ในระดับที่ คุ้มค่าและเข้าถึงได้ ทำให้นักเรียนและผู้ปกครองสามารถวางแผนการศึกษาระยะยาวได้อย่างมั่นใจ
6. โอกาสต่อยอดสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำ
นักเรียนที่จบจากโรงเรียนมัธยมนิวซีแลนด์สามารถสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เช่น University of Auckland, Victoria University of Wellington, รวมถึงมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย อังกฤษ และอเมริกา
ระบบเทอมการศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ – New Zealand Academic Terms
ระบบปีการศึกษาของโรงเรียนในประเทศนิวซีแลนด์มีความแตกต่างจากหลายประเทศ โดยใช้ระบบแบ่งปีการศึกษาออกเป็น 4 เทอมต่อปี (Four-Term Academic Year) ซึ่งช่วยให้การเรียนรู้มีความต่อเนื่องและนักเรียนมีช่วงเวลาพักผ่อนที่เหมาะสมตลอดปี
ตารางปีการศึกษาของโรงเรียนในนิวซีแลนด์
เทอมที่ 1 (Term 1)
ปลายเดือนมกราคม – กลางเดือนเมษายน
เป็นช่วงเริ่มต้นของปีการศึกษา โรงเรียนจะเน้นกิจกรรมการปรับตัว การสร้างพื้นฐานความรู้ และการวางแผนการเรียนสำหรับปีใหม่
เทอมที่ 2 (Term 2)
ต้นเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนกรกฎาคม
ช่วงกลางปีการศึกษา เนื้อหาการเรียนจะมีความเข้มข้นมากขึ้น นักเรียนจะได้พัฒนาทักษะเชิงวิชาการและทำโครงงานในวิชาต่าง ๆ
เทอมที่ 3 (Term 3)
ปลายเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนกันยายน
เป็นช่วงที่นักเรียนเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบปลายปี รวมถึงมีกิจกรรมด้านกีฬา ศิลปะ และการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์
เทอมที่ 4 (Term 4)
กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนธันวาคม
เป็นช่วงสุดท้ายของปีการศึกษา โรงเรียนจะจัดการสอบปลายปี การสรุปผลการเรียน และกิจกรรมส่งท้ายภาคเรียน
บทความเรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์
จุดเด่นของระบบเทอมการศึกษาในนิวซีแลนด์
- สมดุลระหว่างการเรียนและการพักผ่อน
การแบ่งปีการศึกษาออกเป็น 4 เทอมช่วยให้นักเรียนไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการเรียนต่อเนื่องเป็นเวลานาน ยืดหยุ่นสำหรับนักเรียนต่างชาติ
ด้วยระบบเทอมที่ชัดเจนและรอบเริ่มเรียนหลายช่วง นักเรียนต่างชาติสามารถวางแผนการสมัครเข้าเรียนได้อย่างยืดหยุ่นและเหมาะสมกับตารางเวลาส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
แต่ละเทอมมีการประเมินผลและติดตามความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนได้รับการพัฒนาในทุกด้านทั้งด้านวิชาการและทักษะชีวิต
ช่วงปิดภาคเรียน (School Holidays)
โรงเรียนในนิวซีแลนด์จะมีการปิดภาคเรียนระยะสั้นประมาณ 2 สัปดาห์หลังจบแต่ละเทอม เพื่อให้นักเรียนได้พักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับเทอมถัดไป
ส่วน ปิดเทอมใหญ่ (Summer Break) จะอยู่ในช่วง กลางเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนมกราคม ของทุกปี ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูร้อนและสิ้นปีการศึกษา นักเรียนมักใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อพักผ่อน ท่องเที่ยว หรือเข้าร่วมกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ