สวัสดีครับ ผมชื่อจุ้ยนะครับ อายุ 27 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา คณะวิทยาการจัดการ สาขานิเทศศาสตร์ แขนงวิชาภาพยนตร์ ในปี 2019 ตอนนี้ผมกำลังเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ General English 24 weeks (มิถุนายน – พฤศจิกายน 2024) อยู่ที่โรงเรียน LSNZ เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ครับ
วันนี้ผมขอมาแบ่งปันประสบการณ์ด้านการเรียนและการใช้ชีวิต เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับใครที่อยากมาเรียนที่นี่ และกำลังหารีวิวเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจครับ
“ฉันอยากไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ แต่จะไปที่ไหนดี?”
หนึ่งในคำถามที่หลายคนต้องคิดถึงเป็นอย่างแรกคือการเลือกประเทศที่อยากจะไปเรียน ซึ่งสำหรับผม ปัจจัยหลักที่ผมใช้ประกอบการตัดสินใจคือ “งบประมาณ” ที่ผมมีสำหรับการจ่ายค่าเรียนและการใช้ชีวิต ในช่วงแรกผมมีตัวเลือกหลัก ๆ อยู่ประมาณ 4 ที่ คือ อังกฤษ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งหลังจากผมลองหาข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ก็พบว่า ประเทศที่ผมมีงบประมาณพอในการเดินทางไปเรียนคือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
จากนั้นผมจึงเริ่มมองหาเอเจนซี่เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับความเหมือนและความแตกต่างของทั้งสองประเทศอย่างลงลึกมากขึ้น จนได้มาพบกับพี่ ๆ IEC Abroad ซึ่งทางพี่พลอยช่วยให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับทั้งสองประเทศอย่างครบถ้วนมาก ๆ ทั้งเรื่องค่าครองชีพ ไลฟ์สไตล์ของแต่ละเมืองที่แตกต่างกัน และรูปแบบการเรียนของแต่ละโรงเรียน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ช่วยให้ผมเลือกประเทศและเมืองที่เหมาะสมกับง[ประมาณและไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้มากขึ้น
ผมจึงตัดสินใจเลือกเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมืองไครสต์เชิร์ช ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางเกาะใต้ แต่ก็ไม่ได้เป็นเมืองที่วุ่นวายเกินไป และยังล้อมรอบด้วยธรรมชาติ
โรงเรียน LSNZ
โรงเรียน LSNZ มีทั้งหมดสองแคมปัสด้วยกันคือเมืองควีนทาวน์และไครสต์เชิร์ช แต่เนื่องจากควีนทาวน์เป็นเมืองท่องเที่ยว ค่าครองชีพเลยค่อนข้างสูงกว่าเมื่อเทียบกับที่นี่ รวมถึงแคมปัสที่ไครสต์เชิร์ชยังตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงค่อนข้างเดินทางสะดวก เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจมาเรียนที่นี่ครับ
รูปแบบการเรียนของ LSNZ ทางโรงเรียนจะมีการจัดกิจกรรมเล็ก ๆ เพื่อต้อนรับนักเรียนใหม่ทุกวันจันทร์ โดยให้ครูและนักเรียนทุกคนมานั่งรวมกันที่พื้นที่ส่วนกลาง ก่อนจะเชิญนักเรียนใหม่มาแนะนำตัวสั้น ๆ ให้ทุกคนได้ทำความรู้จัก จากนั้นเราจะต้องสอบวัดระดับภาษาเพื่อให้โรงเรียนประเมินว่าเราควรอยู่ห้องไหน สำหรับหลักสูตร General English จะแบ่งห้องออกเป็น Beginner หรือผู้ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับเบื้องต้น และไล่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น Elementary, Pre-Intermediate, Intermediate, Upper-Intermediate และ Advance นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องสำหรับนักเรียนที่อยากติวข้อสอบ IELTS ด้วย ส่วนรูปแบบการสอบวัดระดับจะแบ่งเป็นสามหัวข้อ คือการเขียนแนะนำตัว การสัมภาษณ์ และการทำข้อสอบ Listening จากนั้นเราจะรู้ว่าได้เรียนห้องไหนในวันรุ่งขึ้น ในส่วนของผมได้เริ่มต้นเรียนที่ห้อง Elementary
ในหนึ่งวันจะแบ่งคลาสออกเป็นสองช่วง คือ 8 โมงถึง 9 โมงจะเป็นคลาส Conversation ซึ่งเน้นเรื่องการฝึกพูดกับเพื่อนในห้องเป็นหลัก และ 9 โมงถึงเที่ยงจะเป็นคลาส Grammar โดยมีช่วงพักระหว่างเรียนประมาณ 15 นาที
ผมคิดว่าครูที่นี่เก่งมาก ๆ เพราะนักเรียนทุกคนมาจากหลายประเทศ หลายวัฒนธรรม สำเนียงและโครงสร้างทางภาษาของแต่ละประเทศก็ต่างกันมาก ๆ ดังนั้นความยากจึงไม่ใช่แค่การสอนให้ทุกคนเข้าใจ แต่ยังต้องเข้าใจความหลากหลายทางภาษาของนักเรียนในคลาส เพื่อที่จะสามารถอธิบายให้ทุกคนเข้าใจไปพร้อมกันด้วย ซึ่งครูแต่ละคนก็มีวิธีการสอนที่ต่างกัน ทำให้เราได้เทคนิคการเรียนที่หลากหลายไปพร้อมกัน
ที่นี่ยังมีพื้นที่ส่วนกลางไว้จัดกิจกรรมและให้นักเรียนได้มาพักผ่อน มีโซนห้องอาหารที่มีตู้ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำร้อน แก้วน้ำ และจามชามช้อนส้อมเตรียมไว้ให้ครบครัน
กิจกรรมของโรงเรียน
โรงเรียนมีกิจกรรมให้นักเรียนได้เข้าร่วมทุกสัปดาห์ มีทั้งกิจกรรมที่มีค่าใช้จ่ายและกิจกรรมที่เข้าร่วมได้ฟรี ๆ เช่น เดินทางไปเล่นสกีที่ภูเขา MT Hutt เล่นโบว์ลิ่ง Movie Party หรือกิจกรรม Culture Fest ที่ครูและนักเรียนแต่ละคนจะทำอาหารหรือขนมประจำชาติมาแบ่งให้เพื่อน ๆ ทานกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับเพื่อนและฝึกภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน
การพักอาศัยกับ Host Family
ผมเลือกพักอาศัยอยู่กับ Host Family เพราะคิดว่าถ้าเราได้พักอยู่กับคนท้องถิ่นน่าจะช่วยให้คำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในต่างแดนได้ ซึ่งผมค่อนข้างโชคดีที่ได้อาศัยอยู่กับชาวกีวี เธอชื่อว่า แคทธี่ เธอเปิดบ้านต้อนรับผมอย่างอบอุ่น คอยให้คำแนะนำทั้งเรื่องการเดินทาง การซื้อของ เรื่องสภาพอากาศ สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงแชร์เรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับเมืองไครตส์เชิร์ชให้ฟังอยู่บ่อย ๆ และที่สำคัญเธอทำอาหารอร่อยมาก แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งในการพักกับ Host Family คือส่วนใหญ่แล้วบ้านของโฮสจะไม่ได้อยู่ในเมือง เราเลยอาจจะต้องใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองไกลสักหน่อย อย่างเช่นจากบ้านพักของผมใช้เวลานั่งรถบัสเข้าเมืองประมาณ 45 นาที
การเดินทาง
สำหรับเมืองไครสต์เชิร์ช คนที่นี่จะเดินทางด้วยรสบัสชื่อ Metro Bus เป็นหลัก ค่ารถ 4 NZD ต่อเที่ยว แต่เราสามารถสมัครบัตรโดยสายหรือ Metro Card ซึ่งช่วยให้เราจ่ายค่ารถถูกลงเหลือ 2 NZD ต่อเที่ยว และ 1 NZD สำหรับนักเรียนที่อายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งโรงเรียน LSNZ เองก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Bus Interchange ใช้เวลาเดินเท้าไม่ถึง 3 นาที
รวบรวมสถานที่เที่ยว
แม้ว่าไครสต์เชิร์ชจะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะใต้ แต่พอได้มาเดินดูจริง ๆ ที่นี่กลับเป็นเมืองที่เงียบกว่าที่คิด มีผู้คนเดินสัญจรอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงกับพลุกพล่าน รอบ ๆ โรงเรียนมีสถานที่ที่น่าสนใจให้เราได้เดินเที่ยวหลายที่เช่นกัน เริ่มกันที่ Riverside Market หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของที่นี่และยังตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน มีทั้งร้านอาหารหลากหลายประเภท เครื่องดื่ม และบาร์ เหมาะสำหรับสายกินและสายดื่ม ไม่ไกลจาก Riverside Market ยังมี The Bridge of Remembrance สะพานข้ามแม่น้ำเอวอนที่เหมาะกับการมานั่งเล่นชิว ๆ ในวันที่อากาศแจ่มใส, The Arts Centre ที่เป็นเหมือน Art Gallery ที่แบ่งออกเป็นหลายอาคาร มีลานกว้างที่ใช้สำหรับจัดกิจกรรมกลางแจ้ง มีร้านกาแฟ ร้านขายไอศรีม และร้านขายหนังสือมือสองเล็กๆ ที่ตกแต่งร้านอย่างน่ารัก, Christchurch Art Gallery หอศิลป์ที่มีการจัดนิทรรศการต่าง ๆ ให้เราได้เข้าชมแบบฟรี ๆ ไปจนถึง Christchurch Library ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง เหมาะสำหรับมานั่งอ่านหนังสือ และสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมายรอบ ๆ เมืองให้เราได้เดินทางไปสำรวจ หรือถ้าอยากเดินทางไปสำรวจสถานที่ต่าง ๆ รอบ ๆ เกาะใต้ก็สามารถเช่ารถ นั่งรถบัส หรือรถไฟไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ได้เช่นกัน
ภาพรวมของการมาที่นี่
ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ที่ผมได้รับจากการได้มาเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ประมาณสองเดือน (จากทั้งหมด 6 เดือน) ซึ่งถ้าให้พูดอย่างตรงไปตรงมาผมคิดว่าภาษาอังกฤษของตัวเองอาจจะยังไม่ได้พัฒนาขึ้นมากนัก ยังพูดได้ไม่คล่อง ยังมีคำศัพท์และแกรมม่าที่ไม่เข้าใจอยู่อีกมาก แต่เมื่อเทียบกับก่อนมาเรียนและหลังมาเรียน ผมคิดว่าผมสามารถฟังครูและเพื่อน ๆ ใช้ภาษาอังกฤษเข้าใจมากขึ้น เข้าใจแกรมม่าสำหรับการอ่านและเขียนได้ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่บังคับให้ผมต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา ไม่พูดก็ฟัง ไม่เขียนก็อ่าน บวกกับเพื่อนๆ และครูเองก็พยายามช่วยเหลือผมในการฝึกภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ เลยทำให้ผมเอ็นจอยกับการเรียนภาษาอังกฤษและได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ที่มาจากต่างวัฒนธรรมอยู่เสมอ
หวังว่ารีวิวชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนที่กำลังสนใจมาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่ไม่มากก็น้อยครับ และสำหรับใครที่สนใจอยากติดตามบันทึกการเดินทางของผมที่เมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ หรืออยากสอบถามเกี่ยวกับการเรียนเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่เพจเฟสบุ๊ก Why I’m Here ครับผม ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ