พี่โอ้ IEC Abroad เดินทางไปลอนดอนทั้งที ก็ไม่พลาดเก็บบรรยากาศที่เช็คอินใหม่ๆ อัพเดตปี 2024 เดือน September สดๆร้อนๆ มาฝากน้องๆ กันเช่นเคย แน่นอนว่า เราไม่พลาดไป Pop Mart ก่อนเลยที่แรก ใครชอบ ตามลายแทง IEC Abroad มาโลดจ้า
Pop Mart Soho
ตามกระแสกันหน่อย เราไปดู Pop Mart ที่ Soho ซึ่งเป็นสาขาที่สะดวก และไปง่ายที่สุดสำหรับเรา จริงๆ Pop Mart ใน London มี 3 สาขาหลัก และ Pop-Up store อีก 3 ที่ค่ะ
- Oxford Street Store
- Westfield Stratford City Store
- Soho Store ร้านที่เราไป
- Liverpool Street Pop-Up Store
- Westfield London Pop-Up Store
- Hamleys Pop-Up Store
บรรยากาศหน้าร้าน Pop Mart Soho (London Chinatown)
ของในร้าน ซื้อได้ทุกชิ้นเลย แต่ลาบูบู้ยังกำหนดให้ซื้อได้คนละตัว เท่านั้นค่ะ ส่วนราคานั้น ก็จะประมาณนี้ค่ะ Labubu Macaron จะตัวละ 800 บาทนิด ส่วนตุ๊กตาตั้งโชว์ figure จะราคาตัวลา 600 บาทนิด ในขณะที่บ้านเราคาตัวละ 380 บาทค่ะ แต่คือ มีของให้ซื้อเลย ไม่ต้องรอ resell จ้า
ก่อนกลับ เราก็ขอจุ่มบ้าง ได้มา 3 ตัว แบบนี้เลยยยย
สรุป review Pop Mart in London ราคาของก็จะแพงกว่าที่ไทยประมาณ 1.5-1.8 เท่า แต่ว่ามีของให้ซื้อเลย แบบไม่ต้องต่อแถวด้วย เดินเข้าไปได้เลย และซื้อได้ทันทีเลย มันฟินก็ตรงนี้แหละ ว่าไหมมม 555
British Museum
พิพิธภัณฑ์ที่ต้องไปชม เพราะฟรี และสวยมีที่ถ่ายรูปให้เราหลายมุมเลย ซึ่งเราก็ไปดูแค่ 2-3 อัน เพราะเดินไวๆ มันใหญ่มาก ใครมีเวลา แนะนำไปเก็บให้ครบนะคะ
โรงเรียนภาษา และ โรงเรียนมัธยม ที่อยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์มีอะไรบ้าง มาดูกัน
ES London, Stafford House London, LSI London, IH London และ Guildhouse School London
และไม่ว่าจะไปวันไหนๆ ที่นี่คนก็จะเยอะเสมอ เพราะว่าไม่มีค่าเข้าค่ะ
เราก็เดินเข้าจากด้านหลัง เพราะเดินมาจาก โรงเรียน ES London
จากนั้นเดินทะลุมาข้างหน้า ระยะเวลาที่จะใช้ในการเดินดูสิ่งสะสมต่างๆในพิพิธภัณฑ์นี้ คิดว่าควรมช้เวลาทั้งวัน จึงจะเพียงพอ แต่เราเคยมาแล้วเมื่อ 8 ปีที่แล้ว และจำได้ว่า จุดที่ต้องไปคือมัมมี่ เลยรอบนี้ ใช้เวลามุ่งไปที่มุมมัมมี่เลย จากนั้นก็แค่ดูบรรยากาศรอบๆ และมุมถ่ายรอบ บ้านไกลเวลาน้อง ต้องรีบไปต่อค่ะ
การเดินชมพิพิธภัณฑ์ ในแต่ละห้องจะบอกเลยว่า มีอะไร สามารถเดินไปขอแผนที่พิพิธภัณฑ์ได้ค่ะ
เอาภาพสวยๆมาฝากประมาณนี้นะคะ
เดินเข้าจากทางด้านหลังพิพิธภัณฑ์ Hoa Hakananai ห้องที่ 24 จากนั้นก็จะทะลุมาตรงร้านขายของที่ระลึก
จากนั้นก็เดินมาด้านหน้าค่ะ และเริ่มเดินเก็บบรรยากาศใหม่
บรรยากาศด้านใน จะมีหลายมุมที่สวย เห็นแล้วต้องถ่ายรูป
มุมมหาชนค่ะ
จากนั้นก็เดินไปชมห้องอ่านหนังสือ สวยมากค่าาา
รอบนี้ตั้งใจเดินไปดูมัมมี่ มุ่งหน้าขึ้นไปหาห้อง 62-63
เสาโทเท็ม Haida House Pole ขนาด 15 เมตร ที่จัดแสดงใน Great Court เป็นเสาโทเท็มที่แกะสลักจากไม้ โดยชนพื้นเมืองไฮดา (Haida) ซึ่งเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองใน Kayung, British Columbia สร้างขึ้นประมาณปี 1850 เสาโทเท็มเช่นนี้มักจะสลักรูปสัตว์ สัญลักษณ์ และบุคคลที่สำคัญต่อวัฒนธรรมไฮดา เพื่อแสดงถึงเชื้อสายตระกูลและสถานะทางสังคม เสาโทเท็มนี้ถือเป็นโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม เป็นตัวแทนของประเพณีและงานช่างแกะสลักอันประณีตของชาวไฮดา และเป็นจุดเด่นที่น่าประทับใจในนิทรรศการ Great Court
Moco Modern Museum
พิพิธภัณฑ์ใหม่ ที่ใครจะไปรู้ว่ามันดี ต้องไป
Moco เพิ่งมาเปิดในลอนดอนได้ 3 สัปดาห์ ในช่วงที่เราไป เปิดเมื่อวันที่ 10 August 2024 ค่ะ Moco เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แนว modern + digital art และมีที่ Amsterdam และ Barcelona ด้วย เอาละไหนๆ ก็เปิดที่ London แล้ว แค่เดินผ่านก็ตัดสินใจไม่ยากที่จะเข้าไปค่ะ
เราไม่ได้ซื้อตั๋วแบบ online ไปก่อนเลยโดนราคาหน้างานแพง คือแนะนำทุกที่ๆ ที่จะไปในอังกฤษ แนะนำซื้อตั๋ว online ไปก่อนนะคะ ราคามันจะถูกลงพอควรค่ะ ราคาของวันธรรมดาในการซื้อ online จะ GBP17 ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ จะราคา GBP20-GBP21 ค่ะ
กรณีมาแบบไม่ซื้อมาก่อนของเรา ในเย็นวันศุกร์ หลัง 5 โมง ก็จะโดนราคาเรทเป็นราคาวันเสาร์เลยคือ GBP25 ราคาขนลุกมาก แต่ก็ไป เพราะเค้าไม่ refund 555 เศร้า
Location คือ เดินทางด้วย Tube ลงสถานี Marble Arch หรือใครสายชอปปิ้ง เดินเล่น Oxford Street ยาวมาที่ห้างสีเหลือ Selfridges แล้วเดินต่อมาเรื่อยๆ ก็จะเจอเลย
ข้างในจะมีผลงานต่างๆ และมีน้องก้อนเมฆอันเดียวกับที่ Covent Gardent ด้วย ผลงานต่างๆ จะแนวร่วมสมัย คือยังพอรู้จักศิลปินของรูปนั้นๆ เช่น Robbie William น้องๆ เกิดทันกันไหมคะ 555
Moco Contemporary นำเสนองานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินชั้นนำและดาวรุ่งอย่าง KAWS ที่จะได้สัมผัสผลงานศิลปะจากทั้งตำนานและศิลปินรุ่นใหม่อย่างใกล้ชิดกว่าที่เคย
ผลงานจากศิลปินท่านอื่นๆ ก็น่ารัก น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ
ด้านล่างจะเป็นภาพ ที่ถ่ายชื่อศิลปินมาด้วยค่ะ
Frameless – The Immersive Art Experience in London
นิทรรศการศิลปะแบบไร้กรอบในลอนดอน มีผลงานทั้งสิ้น 42 ชิ้นใน 4 แกลอรี่ที่แตกต่างกันไป ใช้เวลานั่งชมกันยาวๆไปเลย แกลอรี่ละ 20-25 นาที
เป็นการรวบรวมศิลปินระดับโลกเช่น Cezanne, Kandinsky, Monet, Dali, Van Gogh, Canaletto, Rembrandt และ Klimt
การเดินทางสามารถนั่ง Tube ไปลงที่ Marble Arch เลย แล้วเดินไป 5 นาที ก็ถึงเลย
เรื่องการซื้อตั๋ว แนะนำจองผ่าน Website: https://frameless.com/ ราคาค่าเข้าคือ GBP27
ที่นี่เหมาะสำหรับการชิว ดื่มด่ำศิลปะ นั่งดูชิวๆ ไปตามห้องต่างๆ 4 ห้อง หากไปวันเสาร์ อาทิตย์ คนจะเยอะนิดนึงค่ะ เราเลือกไปวันธรรมดาก็จะชิวๆ หน่อย และนั่งกัน ยาวววววววไป
บรรยากาศแต่ละห้อง ก็จะประมาณนี้เลย
Beyond Reality
Colour in Motion เราชอบห้องนี้ที่สุดค่ะ เลยอาจจะมีรูปเยอะหน่อยยย
The World Around Us
The Art of Abstraction
ใน Frameless จะมีคาเฟ่ และ ร้านขายของที่ระลึกด้วยค่ะ
Jellycat
เอาละ Jellycat คืออะไร แมวเยลลี่หรอออ 555 ไม่ต้องงงค่ะ ไปดูกัน ขอเล่นที่ฮิตตอนนี้ไม่ต่างจาก Pop Mart คือตุ๊กตาแสนน่ารัก ที่หลายๆคนเริ่มรู้จักจาก content ดังตอนนี้คือ fish and ship นั่นเอง
เล่าเรื่อง Jellycat ก่อนนะคะ คือ เป็นตุ๊กตา UK brand ก่อนตั้งในปี 1999 ที่ลอนดอนเลย ตัวที่เราเห็นแล้วจะอ๋อทันทีก็คือ Bunnie Rabbit นั่นเอง เค้าเคลมเลยว่าน้องขนนุ่มมาก ไม่ทำให้เกิดฝุ่น และไม่เสี่ยงเกิดภูมิแพ้ ดีต่อเด็กๆ แบบเด็กทารกตั้งแต่เกิดก็ฟินกับน้องตุ๊กตา Jellycat ได้เลย
ตอนนี้เค้าไม่ได้มีแค่เจ้าน้องกระต่ายแล้ว มีเยอะมากมายหลายแบบมาก และตอนนี้คือกำลังจะคริสต์มาสด้วย จะมี theme ประมาณนี้และน้อง Bunnie Rabbit สีเขียว ราคา GBP18 จับต้องได้อยู่นะคะ และ ornament ต่างๆ ที่ไว้ตกแต่งต้นคริสต็มาสก็มีมากมาย
หรือใครจะจัด set ใหญ่ fish and ship ก็ได้ แต่ราคาไม่เบา และมีปริมาณจำกัดในการขายต่อวันค่ะ ถ้าได้ไปเรียนภาษา หรือปริญญาที่ลอนดอน ต้องไปค่ะ
Location: Selfridges London นั่ง Tube ลง Bond Street แล้วเดินไปประมาณ 5-8 นาทีเท่านั้น แล้วเดินขึ้นไปชั้น 4 ชั้นเด็กเล็ก จะอยู่สุดฝั่งซ้ายเลยค่ะ ถ้าเห็นว่าคนเยอะๆ ตรงนั้นเลย Jellycat
สถานที่เที่ยวน่าสนใจยังไม่หมดแค่นี้ แต่เดี๋ยวพี่โอ้ จะเก็บมาต่อที่พาร์ท 2 นะคะ และหากน้องๆ คนไหนสนใจไปเรียนต่อประเทศอังกฤษ สามารถทักเข้ามาปรึกษาพี่ๆ IEC Abroad ได้เช่นเคยค่ะ