สำหรับน้องๆ ที่อยากเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษ พัฒนาตัวเอง เปิดประสบการณ์ใหม่ และเตรียมความพร้อมก่อนเรียนต่อในต่างประเทศ คอร์สเรียนระยะสั้นแบบซัมเมอร์ หรือ Summer Course ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีมาก โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมกลางปีหรือปลายปีที่มีเวลาว่างพอสมควร
คอร์สเรียนแบบซัมเมอร์ไม่ได้มีแค่เรียนภาษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจกรรมเสริมทักษะ การท่องเที่ยว การฝึกการใช้ชีวิต และการสร้างความมั่นใจก่อนการไปเรียนต่อจริงในอนาคต โดยในแต่ละประเทศก็มีจุดเด่นและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป
เรียน Summer Course เรียนอะไรบ้าง?
การเรียน summer course ในต่างประเทศไม่ได้มีแค่การเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงคอร์สพิเศษต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะทั้งด้านภาษา วิชาการ และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ เหมาะกับน้องๆ ทุกระดับ ตั้งแต่น้องมัธยมไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคนว่าอยากได้อะไรจากคอร์สระยะสั้นนี้
โดยทั่วไปแล้ว summer course สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้
1. คอร์สเรียนภาษาอังกฤษทั่วไป (General English)
เหมาะกับน้องๆ ที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เน้นฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน และเพิ่มคลังคำศัพท์ ฝึกพูดกับเพื่อนต่างชาติ และฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์จริง เช่น การซื้อของ การสั่งอาหาร การแนะนำตัวเอง
2. คอร์สภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ (Academic English / University Pathway)
เหมาะสำหรับน้องๆ ที่มีแผนจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศในอนาคต คอร์สนี้จะเน้นการเขียนเรียงความเชิงวิชาการ การอ่านบทความที่ซับซ้อน การนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษ และการใช้ภาษาในบริบทของการเรียนระดับสูง
3. คอร์สภาษาอังกฤษควบคู่กับกิจกรรม (English + Activities)
เหมาะกับน้องๆ ที่อยากเรียนภาษาไปพร้อมกับทำกิจกรรม เช่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี หรือการท่องเที่ยว คอร์สประเภทนี้มักเรียนภาษาในช่วงเช้า และทำกิจกรรมในช่วงบ่ายหรือเย็น เป็นวิธีที่สนุกและไม่น่าเบื่อ
4. คอร์สภาษาอังกฤษพร้อมทัศนศึกษา (English + Excursion)
คอร์สนี้เหมาะสำหรับน้องๆ ที่อยากฝึกภาษาและเที่ยวไปในตัว มักจะเรียนในห้องเรียนช่วงเช้า และเดินทางไปยังสถานที่สำคัญในช่วงบ่าย เช่น พิพิธภัณฑ์ มหาวิทยาลัย หรือสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศนั้นๆ
5. ค่ายเตรียมตัวเรียนต่อมหาวิทยาลัย (Pre-University / University Taster)
เหมาะกับน้องๆ ม.ปลายหรือปี 1 ที่อยากลองเรียนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศจริงๆ คอร์สนี้มักจะเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้เข้าเรียนในวิชาจริง เช่น ธุรกิจ การแพทย์ วิศวกรรม หรือกฎหมาย รวมถึงทำโปรเจกต์กลุ่ม และเรียนรู้ระบบมหาวิทยาลัยล่วงหน้า
6. คอร์สภาษาอังกฤษเพื่อการพัฒนาทักษะชีวิต (English + Leadership / Soft Skills)
คอร์สนี้เน้นการพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน เช่น การเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร การแก้ปัญหา ฝึกพูดในที่สาธารณะ และฝึกความกล้าแสดงออก เหมาะกับน้องๆ ที่อยากพัฒนาตัวเองในด้านบุคลิกภาพ
7. คอร์สเตรียมสอบภาษา (IELTS / TOEFL Preparation)
เหมาะกับน้องๆ ที่มีแผนจะสอบวัดระดับภาษาอังกฤษในอนาคต เช่น เพื่อใช้สมัครเรียนต่อหรือยื่นวีซ่า คอร์สนี้จะเน้นเทคนิคการทำข้อสอบ การฝึกสอบจริง และการพัฒนาทักษะเฉพาะในแต่ละพาร์ท เช่น Reading, Listening, Speaking และ Writing
วันนี้พี่ๆ IEC Abroad จะพามาดูกันว่า Summer Course ในแต่ละประเทศมีข้อดีอย่างไร
ค่าครองชีพประมาณไหน และควรสมัครช่วงเวลาใดค่ะ
อังกฤษ
ข้อดีของ Summer Course ในอังกฤษ:
- เรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาโดยตรงในสิ่งแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษจริง
- เมืองต่างๆ อย่าง London, Oxford, Cambridge มีบรรยากาศการเรียนที่เป็นวิชาการ
- หลักสูตรหลากหลาย มีทั้ง Academic English, IELTS Preparation และ English for Teenagers
- มีโอกาสเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยดังระดับโลก และใช้ชีวิตในแบบเด็กอังกฤษ
สิ่งที่จะได้รับ:
- ทักษะภาษาอังกฤษที่พัฒนาขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
- ความมั่นใจในการสื่อสารและการอยู่ต่างประเทศ
- เพื่อนใหม่จากหลายประเทศทั่วโลก
- ใบรับรองการเรียนจากโรงเรียนที่ได้มาตรฐาน
*ค่ากินอยู่โดยประมาณ: £1,200–£1,800 ต่อเดือน (ประมาณ 55,000–85,000 บาท) รวมที่พักแบบโฮสต์แฟมิลี่หรือหอพัก อาหาร และการเดินทาง
* ช่วงเวลาสมัคร: ควรสมัครล่วงหน้า 3–6 เดือนก่อนเริ่มเรียน (เปิดเรียนช่วงมิถุนายน–สิงหาคม)
แคนาดา
ข้อดีของ Summer Course ในแคนาดา:
- เรียนภาษาอังกฤษควบคู่กับกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เช่น ค่ายผู้นำ ค่าย STEM
- เมืองใหญ่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิต เช่น Vancouver, Toronto
- ครูผู้สอนมีประสบการณ์และการดูแลนักเรียนต่างชาติอย่างใกล้ชิด
สิ่งที่จะได้รับ:
- พัฒนาทักษะทั้งภาษาและความคิดสร้างสรรค์
- ความเข้าใจวัฒนธรรมแบบแคนาเดียนที่อบอุ่นและปลอดภัย
- โอกาสฝึกความกล้าแสดงออกและทำงานเป็นทีม
* ค่ากินอยู่โดยประมาณ: CAD 1,500–2,200 ต่อเดือน (ประมาณ 40,000–60,000 บาท)
* ช่วงเวลาสมัคร: ควรสมัครล่วงหน้า 4–6 เดือนก่อนเริ่มเรียน (เปิดเรียนช่วงมิถุนายน–สิงหาคม)
ออสเตรเลีย
ข้อดีของ Summer Course ในออสเตรเลีย:
- ประเทศที่มีความปลอดภัยและการดูแลนักเรียนต่างชาติที่ดีเยี่ยม
- หลักสูตรซัมเมอร์เน้นทั้งภาษาและกิจกรรมท่องเที่ยว
- เมืองยอดนิยม เช่น Sydney, Melbourne, Brisbane
สิ่งที่จะได้รับ:
- ความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
การเรียนรู้ระบบการศึกษาในออสเตรเลีย - ประสบการณ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในอนาคต
* ค่ากินอยู่โดยประมาณ: AUD 1,600–2,400 ต่อเดือน (ประมาณ 38,000–58,000 บาท)
* ช่วงเวลาสมัคร: ควรสมัครล่วงหน้า 3–5 เดือน (เปิดเรียนช่วงมกราคม–กุมภาพันธ์ หรือมิถุนายน–กรกฎาคม)
นิวซีแลนด์
ข้อดีของ Summer Course ในนิวซีแลนด์:
- ธรรมชาติสวยงาม บรรยากาศสงบ และผู้คนเป็นมิตร
- หลักสูตรเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเรียนรู้ผ่านกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น English + Adventure
- เมืองที่เหมาะกับนักเรียนไทย เช่น Auckland, Wellington, Christchurch
สิ่งที่จะได้รับ:
- ทักษะภาษาอังกฤษผ่านการใช้ชีวิตจริง
- ความสามารถในการปรับตัวและดูแลตัวเอง
- ความเข้าใจวัฒนธรรมชาวกีวี และมิตรภาพจากเพื่อนต่างชาติ
* ค่ากินอยู่โดยประมาณ: NZD 1,400–2,000 ต่อเดือน (ประมาณ 32,000–48,000 บาท)
* ช่วงเวลาสมัคร: สมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน (เปิดเรียนช่วงมกราคม–กุมภาพันธ์ และมิถุนายน–กรกฎาคม)
อเมริกา
ข้อดีของ Summer Course ในอเมริกา:
- มีคอร์สภาษาและค่ายวิชาการจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง
- เน้นทั้งวิชาการ ทักษะชีวิต และการคิดเชิงวิพากษ์
- มีกิจกรรมเสริม เช่น การไปเยี่ยมชมบริษัทชื่อดังหรือพิพิธภัณฑ์ระดับโลก
สิ่งที่จะได้รับ:
- การเรียนในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายและกระตุ้นการพัฒนาตัวเอง
- ความเข้าใจระบบมหาวิทยาลัยและชีวิตแบบอเมริกัน
- โอกาสสร้างเครือข่ายและแนวคิดระดับสากล
* ค่ากินอยู่โดยประมาณ: USD 1,800–2,800 ต่อเดือน (ประมาณ 65,000–100,000 บาท)
* ช่วงเวลาสมัคร: สมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน (เปิดเรียนช่วงพฤษภาคม–สิงหาคม)
ดูไบ
ข้อดีของ Summer Course ในดูไบ:
- เรียนภาษาอังกฤษในเมืองที่ทันสมัย สะอาด และปลอดภัย
- หลักสูตรผสมผสานภาษา วัฒนธรรม และทัศนศึกษาทั่วเมือง
- สถาบันหลายแห่งใช้ระบบการศึกษาจากอังกฤษหรืออเมริกา
สิ่งที่จะได้รับ:
- ภาษาอังกฤษที่พัฒนาจากสภาพแวดล้อมนานาชาติ
- ความเข้าใจวัฒนธรรมตะวันออกกลางในแบบร่วมสมัย
- ความมั่นใจในการใช้ชีวิตในเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
* ค่ากินอยู่โดยประมาณ: AED 3,500–5,000 ต่อเดือน (ประมาณ 35,000–50,000 บาท)
* ช่วงเวลาสมัคร: ควรสมัครล่วงหน้า 2–4 เดือน (เปิดเรียนช่วงมิถุนายน–กันยายน)
ควรเรียน Summer Course ที่ประเทศไหนดี?
ไม่มีคำตอบเดียวที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับเป้าหมาย งบประมาณ และสไตล์การใช้ชีวิตของน้องๆ แต่ละคน อย่างไรก็ตาม ด้านล่างนี้คือแนวทางเปรียบเทียบข้อดีของแต่ละประเทศ เพื่อช่วยให้น้องๆ เลือกได้ง่ายขึ้นค่ะ
ถ้าน้องๆ อยากเน้น พัฒนาภาษาอังกฤษ
แบบเข้มข้น
แนะนำ: อังกฤษ / อเมริกา / แคนาดา
- อังกฤษ: สำเนียง British แท้ ได้บรรยากาศแบบวิชาการ เหมาะกับน้องที่อยากเรียนต่อสาย Academic
- อเมริกา: เหมาะกับน้องที่อยากฝึกทั้งภาษาและการคิดแบบ Critical Thinking ในบรรยากาศเสรี
- แคนาดา: มีความอบอุ่น ปลอดภัย และมีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้เลือกมากมาย
ถ้าน้องๆ อยากลอง ใช้ชีวิตต่างประเทศแบบสมดุล เรียน+กิจกรรม
แนะนำ: ออสเตรเลีย / นิวซีแลนด์
- ออสเตรเลีย: เมืองสวย ทันสมัย ใกล้ไทย เดินทางสะดวก มีหลักสูตรให้เลือกหลายระดับ
- นิวซีแลนด์: ธรรมชาติสวย อากาศดี เรียนแบบสบายๆ แต่ได้ฝึกภาษาในชีวิตจริงแบบไม่กดดัน
ถ้าน้องๆ อยากได้ ประสบการณ์ที่แตกต่าง
ทันสมัย และหลากหลายวัฒนธรรม
แนะนำ: ดูไบ
เหมาะกับน้องที่อยากเปิดโลกกว้าง สัมผัสความหรูหราและระบบการศึกษาแบบตะวันตกในเมืองตะวันออก
สภาพแวดล้อมปลอดภัย มีสถาบันนานาชาติหลายแห่ง และเรียนภาษาอังกฤษในบรรยากาศนานาชาติจริงๆ
ถ้าน้องๆ มีงบจำกัด หรืออยากเรียนระยะสั้นแบบคุ้มค่า
แนะนำ: ออสเตรเลีย / นิวซีแลนด์
- ทั้ง 3 ประเทศนี้มีหลักสูตรคุณภาพดี ราคาไม่แรงมาก และค่าใช้จ่ายในการกินอยู่สมเหตุสมผล
- อีกทั้งยังมีตัวเลือกคอร์สตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ทำให้วางแผนได้ยืดหยุ่น
จุดเด่น | ประเทศแนะนำ |
---|---|
ภาษาอังกฤษแบบเจ้าของภาษา | อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา |
ความปลอดภัย อบอุ่น มีคนดูแลดี | แคนาดา, นิวซีแลนด์ |
เรียน+กิจกรรมหลากหลาย ใกล้ไทย | ออสเตรเลีย |
เปิดประสบการณ์แบบใหม่ | ดูไบ |
มีงบจำกัด แต่อยากได้คุณภาพ | นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย |
การเรียนซัมเมอร์คอร์สไม่เพียงแค่เรียนภาษา แต่น้องๆ จะได้ประสบการณ์ที่มีคุณค่าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัว การสื่อสาร การอยู่ร่วมกับคนหลากหลายวัฒนธรรม และการเรียนรู้ชีวิตจริงในต่างแดน หากน้องๆ คนไหนกำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในช่วงปิดเทอม การเรียนระยะสั้นในต่างประเทศคือตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าลองค่ะ หากน้องๆ คนไหนสนใจปรึกษาเพิ่มเติม สามารถทักมาปรึกษาพี่ๆ IEC Abroad ได้เลยนะคะ