Boarding Schools In UK

หากพูดถึง boarding school หรือ โรงเรียนประจำในอังกฤษหลายๆคนก็อาจจะนึกถึงโรงเรียนแบบใน Harry Potter บรรยากาศการรับประทานอาหารให้ห้องโถงใหญ่ๆ นอนในหอพักรวมกับเพื่อนๆหลายๆคนใส่ยูนิฟอร์มเดินบนสนามหญ้าในบริเวณโรงเรียนกว้างๆ แต่รู้หรือไม่คะว่าโรงเรียนประจำในอังกฤษนั้นไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว แต่ยังมีแบบที่เป็น modern หรือแบบสมัยใหม่   ซึ่งนักเรียนไม่ต้องใส่เครื่องแบบ และมีห้องนอน น้องน้ำส่วนตัวหากจะแบ่งประเภทของ โรงเรียนประจำในอังกฤษ ให้เข้าใจง่ายแล้วละก็จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทกว้างๆ คือ

1. Traditional Boarding School

เช่น Adcote, Lucton, Exeter College, Moreton Hall เป็นต้น 80-90% ของจำนวนนักเรียนในโรงเรียนเป็นชาวบริติช น้องๆจะต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาดีพอสมควรเพราะน้องๆจะได้เรียนรวมกับเด็กนักเรียนชาวบริติชตั้งแต่วันแรก

2. International Boarding School

เช่น Abbey DLD, MPW, Bellerbys College, CATS, D’overbroecks เป็นต้น มีจำนวนนักเรียนต่างชาติมากกว่า 50% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด โรงเรียนประจำประเภทนี้ การเรียนการสอนจะค่อนข้างยืดหยุ่น มีทีมเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยเหลือดูแลเด็กนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะคอยช่วยเหลือทั้งทางด้านภาษาและด้านการปรับตัว

Why Boarding Schools?

การศึกษาต่อโรงเรียนประจำในต่างประเทศนั้นได้รับความนิยมในหมูเด็กไทยมากขึ้น เนื่องจากคุณภาพของการศึกษาที่ได้มาตรฐานระดับโลกทั้งยังมีความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีฟิตเนสและสระว่ายน้ำ นอกจากนี้น้องๆ ยังได้ฝึกการใช้ชีวิต ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่มาจากชาติอื่นๆ หรือเพื่อนนักเรียนชาวอังกฤษ และการมีตารางที่แน่นอนและเข้มข้นจะทำให้นักเรียนได้ฝึกระเบียบวินัยทั้งต่อตนเองและการอยู่ร่วมกันกับคนอื่น

Boarding School Life In A Day

น้องๆหลายคนอาจจะสงสัยว่า ในแต่ละวันของชีวิตนักเรียนประจำ ต้องทำอะไรบ้าง จะเหงาไหม จะคิดถึงบ้านหรือเปล่า เรามีตัวอย่างของตารางประจำวันมาให้ดูค่ะ

Early Morning:

โดยปกติแล้วนักเรียนจะตื่นประมาณ 7 โมงเช้า และมีเวลา 1 ชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัว

Breakfast:

สิ่งที่สำคัญที่สุดของวัน คือมื้อเช้า ดังนั้นนักเรียนทุกคนจะต้องได้ทานอาหารเช้า โดยส่วนใหญ่ทางโรงเรียนจะมีอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ให้นักเรียนได้ทานกันแบบเต็มอิ่ม และเลือกทานได้ตามความชอบ บางโรงเรียนอาจจะให้นักเรียนมาทานพร้อมกัน ในขณะที่บางโรงเรียนก็จะไม่กำหนดเวลา แต่นักเรียนจะต้องรับผิดชอบเองว่าต้องมาทานอาหารเช้าให้ทันก่อนเริ่มการเรียนการสอน  ในช่วงเช้า

Lessons Begin:

การเรียนการสอนจะเริ่ม 9 โมง โดยประมาณ และแต่บทเรียนจะใช้เวลาประมาณ 50 นาที

Break:

หลังจากที่เรียนไปแล้ว 2 บทเรียน นักเรียนได้ short break ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้นักเรียนได้พักสายตา พักทานขนมหรือคุยกับเพื่อนๆ ก่อนจะกลับไปเรียนอีก 2 บทเรียนก่อนพักกลางวัน

Lunch:

นักเรียนจะได้พักกลางวันเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ช่วงประมาณเวลา 12.30 -13.30 น.

Lessons:

หลังจากพักกลางวัน นักเรียนจะกลับไปเรียนอีกประมาณ 2-3 บทเรียน บางโรงเรียนอาจจะมีการสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนต่างชาติเป็นบทเรียนเสริมในวิชาสุดท้ายของวัน

Activities/Sports/ Club:

โรงเรียนประจำทุกแห่งในอังกฤษมีกิจกรรมชมรมและกีฬาให้นักเรียนได้ทำมากมาย เช่น ฟุตบอล ว่ายน้ำ กอล์ฟ หรือ วิชาศิลปะ เล่นดนตรี มีทั้งวงร่วมสมัย และวงออเคสตรา เป็นต้น ซึ่งนักเรียนจะมีเวลาว่างทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนหรือช่วงเวลาว่าง

Dinner:

ประมาณเวลา 17.00 น. หลังจากเรียนเสร็จแล้ว นักเรียนจะได้ทานอาหารเย็น ซึ่งโรงเรียนส่วนใหญ่จะเตรียมอาหารร้อน ปรุงสุกใหม่ให้นักเรียนได้ทาน

Prep Time:

เป็นช่วงเวลาที่นักเรียน จะได้ทำการบ้านและทบทวนบทเรียน จะมีเจ้าหน้าที่และครูผู้สอนมาคอยให้คำแนะนำ หากนักเรียน ไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนไหน หรือต้องการความช่วยเหลือหรือความรู้เพิ่มเติมก็ใช้ช่วงเวลานี้สอบหรือให้ครูกับเจ้าหน้าที่แนะนำได้ค่ะ การมีตาราง Prep Time อาจะจะฟังดูเครียดๆหน่อย แต่จริงแล้วเป็นประโยชน์ต่อตัวนักเรียนมาก เพราะนักเรียนส่วนใหญ่จะใช้เวลานี้ทำการบ้าน เพื่อที่จะได้เวลาว่างทำกิจกรรมอื่นๆ ให้สนุกได้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบ้านหรือบทเรียน

Free Time:

นักเรียนจะมีเวลาว่างเมื่อทำทุกอย่างตามตารางที่กำหนดเสร็จแล้วสามารถใช้ช่วงเวลานี้พักผ่อนตามอัธยาศัย เช่น ดูทีวี เล่นเกมส์ ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือนั่งคุยกับเพื่อนๆ เป็นต้น

Bedtime:

โรงเรียนประจำส่วนใหญ่จะให้นักเรียนเข้านอนตอน สี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสม ต่อการเข้านอนของวัยที่กำลังเจริญเติบโต เพราะหากน้องๆไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอก็จะเรียนได้ไม่เต็มที่ และทำกิจกรรมไม่สนุก

จะเห็นได้จากกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งกิจกรรมนอกห้องเรียนและกิจกรรมของหอพักรวมทั้งมีเวลาตารางเวลาจะสามารถสร้างน้องๆให้มีวินัยและรู้จักการบริหารจัดการเวลาได้ดี ทำให้น้องๆ ได้เรียนรู้และเติบโตอย่างเต็มศักยภาพและพร้อมที่เติบโตเป็นคนที่รับผิดชอบที่มากขึ้นทั้งต่อตนเองและสังคม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าน้องๆจะเรียนโรงเรียนประจำประเภทไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือ

การที่น้อง ๆ ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิต เติบโตร่วมกับเพื่อนนักเรียนจากต่างเชื้อชาติ ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความแตกต่างทั้งทางด้านวัฒนธรรมและพื้นฐานความคิด นักเรียนได้รู้จักโลกและสังคมในมุมมองที่กว้างขึ้น อันเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาของน้องๆ ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพต่อไปในอนาคต