ฏีวันนี้พี่โอ้ IEC Abroad ขอมาพูดถึง Heriot-Watt Dubai ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 ที่ Dubai International Academic City จากนั้นย้ายมาตรงที่ Knowledge Park ในปี 2023 ซึ่ง King Charles III มาเปิดตึก ตัวมหาวิทยาลัยเป็น Modern campus (ตึกตั้งตรงข้ามกับ University of Wollongong) มีทั้งสิ้น 6 ชั้น เราเดิน University tour จากชั้น 6 ลงมาเรื่อยๆ ค่ะ
IEC Abroad เป็นเอเจนซี่แนะแนวเรียนต่อต่างประเทศ ที่ส่งนักเรียนไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ แคนาดา อเมริกา และดูไบ โดยพี่ๆ คัดเลือกโรงเรียนที่มีคุณภาพดี ดูแลนักเรียนอย่างเหมาะสม และมีกิจกรรมเสริมระหว่างเรียน การไปเยี่ยมชมโรงเรียนและมหาวิทยาลัย (School Tour / University Visit) ช่วยให้พี่ๆ สามารถรีวิวและแชร์ประสบการณ์ผ่านภาพ วิดีโอ และโซเชียลมีเดีย เพื่อแนะนำนักเรียนให้เลือกเมือง คอร์ส และสถาบันที่เหมาะกับความต้องการและมั่นใจในคุณภาพจริงๆ ค่ะ


- จำนวนนักเรียนประมาณ 5,000 คน จากทั่วโลก
- สิ่งที่ประทับใจคือ เจ้าหน้าที่ที่พาเดินทัวร์ ให้รายละเอียดดีมาก เพราะเป็นศิษย์เก่าที่เรียนจบจากที่นี่
- นักเรียนปริญญาตรีที่นี่ สามารถ ไปเรียนต่อปี 2-3 ที่ Scotland campus ได้ โดยมหาวิทยาลัยจะจัดการเรื่องวีซ่าให้
- การสอบของมหาลัยนี้ จะสอบพร้อมๆ กันทั้ง 3 Campus คือ Edinburgh (แคมปัสหลัก), Dubai, Malaysia (นักศึกษาที่มาเลเซียก็อาจจะต้องรอเวลาสอบ ช้าหน่อย)
จุดเด่นของ Heriot-Watt Dubai
- คุณภาพการศึกษาแบบ UK หลักสูตรเหมือนกับที่ Edinburgh ประเทศสหราชอาณาจักร ได้รับการรับรองโดย QAA (UK Quality Assurance Agency)
- มหาวิทยาลัยระดับโลก ติดอันดับ Top 250 ของโลกในสาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี (QS Rankings) มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรม ธุรกิจ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ข้อมูล และพลังงานหมุนเวียน
- แคมปัสทันสมัย ตั้งอยู่ใน Dubai Knowledge Park พื้นที่เพื่อการศึกษาโดยเฉพาะ ใกล้ Dubai Marina และ Palm Jumeirah มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น ห้องทดลอง โรงยิม ห้องสมุด ห้องเรียนอัจฉริยะ และพื้นที่นั่งทำงานแบบ Co-working space
- เน้นการเรียนที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าร่วมฝึกงาน (Internship) มีความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในดูไบและประเทศอื่นๆ
- หลากหลายหลักสูตรทั้งระดับปริญญาตรีและโท
- เปิดรับนักศึกษาจากทั่วโลก มีนักเรียนจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีชุมชนนักเรียนไทยและนักเรียนอาเซียนที่อบอุ่น
- สิ่งที่น่าสนใจเมื่อเรียนที่ดูไบ เรียนในเมืองศูนย์กลางธุรกิจของตะวันออกกลาง มีโอกาสฝึกงานและทำงานกับบริษัทข้ามชาติ วัฒนธรรมหลากหลาย ผู้คนเป็นมิตร เมืองปลอดภัย เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และสนามบินนานาชาติ
ค่าเรียนโดยประมาณ (ต่อปี)
- ปริญญาตรี: 58,000 – 65,000 AED (ประมาณ 500,000 – 570,000 บาท)
- ปริญญาโท: 66,000 – 85,000 AED (ประมาณ 575,000 – 740,000 บาท)
- MBA: ประมาณ 100,000 AED (ประมาณ 870,000 บาท)
การจัดอันดับของมหาวิทยาลัย Heriot-Watt
เป็นที่ยอมรับในด้านความเป็นเลิศทั้งด้านการสอนและการวิจัย โดยได้รับการจัดอันดับดังนี้:
- อันดับที่ 35 ในสหราชอาณาจักร และ อันดับที่ 8 ในสกอตแลนด์ สำหรับความพึงพอใจโดยรวม จากผลสำรวจนักศึกษาแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (UK National Student Survey) ปี 2019
- 86.8% ของงานวิจัย และ 88.6% ของผลงานวิจัย ได้รับการจัดอันดับว่าอยู่ในระดับ “ชั้นนำของโลก” หรือ “ยอดเยี่ยมในระดับนานาชาติ” จากการประเมินวิจัยระดับชาติของสหราชอาณาจักร (REF 2021)
- มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายในการคิดค้นนวัตกรรมที่พลิกโฉมและหาแนวทางแก้ไขปัญหาในโลกแห่งความจริง เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคม รางวัลจาก Forbes Middle East Higher Education Awards 2019
- วิทยาเขตดูไบของ Heriot-Watt University ได้รับรางวัล “มหาวิทยาลัยยอดเยี่ยม” (Best University) จากเวที Forbes Middle East Higher Education Awards เป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน ปี 2019
- ระดับคะแนน 5 ดาว จาก HEC (2022)
- Heriot-Watt University วิทยาเขตดูไบ ได้รับการจัดอันดับ ระดับ 5 ดาว ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 จากหน่วยงาน Knowledge and Human Development Authority (KHDA) ในปี 2022
Course ที่น่าสนใจ
- Computer Science/ IT
เพราะ knowledge park มีบริษัท software ชั้นนำเยอะมาก ตรงนี้เลย นักเรียนสามารถมีโอกาสไปฝึกงาน หรือ ทำงานต่อในบริษัทเหล่านี้ได้ เช่น Google, Microsoft, Oracle, Huawei, Visa - Architecture
คอร์สเรียนปริญญาตรี ของ Heriot Watt University มีที่ Dubai campus เท่านั้นค่ะ (ที่ Edinburgh จะเปิดสอนแค่ระดับ ปริญญาโท) นักศึกษาได้รับ RIBA Part I เมื่อเรียนจบ เหตุผลที่ควรมาเรียนคอร์สนี้ที่ดูไบ เพราะว่า เมืองดูไบ พัฒนาอย่างรวดเร็วมาก มีตึกระฟ้า และ อาคารที่กำลังก่อสร้างอีกเยอะมาก ซึ่งโอกาสการได้งานทำหลังเรียนจบ ค่อนข้างสูงมาก อย่างคนที่สร้างตึก Burj Khalifa ตึกที่สูงที่สุดในโลก จบการศึกษาจาก UIC (Chicago) ก็ยังมาทำงานที่เมืองนี้
คอร์สอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Business / Financial Management โดยที่ Campus มี Bloomberg room ด้วย
ความร่วมมือระหว่าง Heriot-Watt University Dubai กับ Shorelight Education
ความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติในการสมัครเรียนและเตรียมความพร้อมด้านวิชาการและภาษาอังกฤษ แคมปัสดูไบ เป็นสาขาของมหาวิทยาลัย Heriot Watt ในประเทศสก๊อตแลนด์ ปัจจุบันมีนักศึกษาราวๆ 5,000 คน และยังเป็นแคมปัสที่มีนักศึกษานานาชาติเรียนมากที่สุดใน U.A.E. โดยการเรียนการสอนจะเป็นภาษาอังกฤษตลอดหลักสูตร มีหอพักแยกชาย-หญิงอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัย สะดวกสบายมากๆ ค่ะ
หลักสูตรที่เปิดสอนสำหรับโปรแกรมเตรียมความพร้อม ได้แก่
หลักสูตร Foundation 1 ปี
รับวุฒิ ม.6 IELTS 5.5
กำหนดเปิดเทอม: กันยายน
โปรแกรม Foundation ที่ Heriot-Watt University Dubai ออกแบบมาเพื่อเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาก่อนเข้าสู่ระดับปริญญาตรี โดยมีสาขาให้เลือกดังนี้:
- Design Studies
- Engineering
- Engineering / Computing
- Management
- Management / Psychology
ปริญญาตรี 3-4 ปี
รับนักศึกษาที่จบโปรแกรม Foundation และมี IELTS 6.0
กำหนดเปิดเทอม: กันยายน / มกราคม
สาขาที่เปิดสอน
• Accounting & Finance
• Architecture
• Automotive Engineering
• Business Administration
• Chemical Engineering
• Computer Science (Artificial Intelligence, Software Engineering, Data Science)
• Computer System
• Fashion
• Interior Design
• International Business Management
• Robotics
ปริญญาโท 1 ปี
รับนักศึกษาที่จบ ป.ตรี และมีคะแนน IELTS 6.5
กำหนดเปิดเทอม: กันยายน
สาขาที่เปิดสอน
• Artificial Intelligence
• Business Information Management
• Business Psychology with Coaching
• Civil Engineering
• Data Science
• Design Management
• Energy
• Facilities Management
• Finance
• Information Technology
• Interior Architecture
• International Business Management
• International Fashion Marketing
• Investment Management
• Islamic Banking and Finance
MBA
สาขาที่เปิดสอน
• Petroleum Engineering
• Network Security
• Renewable Energy Engineering
บรรยากาศแคมปัสจากพี่โอ้ IEC Abroad
เราเริ่มเดินจากชั้น 6 จากชั้นบนสุดของมหาวิทยาลัยค่ะ เพื่อจะได้ดูทุกๆ อย่างกันครบๆ เลย
ชั้นนี้จะเป็น ห้องเรียนแนว Electronic / IT ของที่นี่น้องๆ สามารถเลือกการ Focus ที่ Business หรือ Software ได้ค่ะ







รอบๆ มหาลัยจะมีพื้นที่เล็กสีเขียวอันนี้ ไว้ดูดซับฝุ่น PM 2.5 ค่ะ เทียบเคียงเครื่องฟอกอากาศเลย ซึ่งที่นี่เค้าดังในคอร์ส Global Sustainability Engineering MSc ด้วย ดังนั้นไม่ค่อยแปลกใจที่เห็นผนังฟอกอากาศอันนี้ค่ะ


และในแต่ละชั้นก็จะมีห้อง Pantry ให้น้องๆ มาใช้ได้ค่ะ ภาพด้านล่างคือ 3D Printer ที่มหาลัยนี้ก็มีด้วยนะคะ Space ทุกๆ ชั้นจะเยอะมากค่ะ และมีห้องเรียนขนาดใหญ่ ที่สำคัญ สะอาดมากๆ




และในชั้นนี้ก็มีห้องเรียน คอร์สปริญญาตรี ด้าน Psychology / Psychology and Marketing / Psychology with Management จะเน้นเรียนเพื่อการให้คำปรึกษาแนะนำน้องๆ ที่เรียนจบคอร์สนี้สามาถต่อยอดสายอาชีพได้ประมาณนี้ค่ะ Business management, Human Resource Management, Marketing and Market Research, Teaching, Counselling and Coaching, Psychology Professions (เช่น Clinical, Forensic, Health or Educational Psychology)



จากนั้นเราลงมาต่อที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่เรียน Business มีห้อง Trading room ด้วย เพื่อให้ตอบรับนักเรียนที่สนใจเรียน Finance and Investment ที่นี่ค่ะ
คอร์สที่น่าสนใจของ Business เช่น International Business ที่สามารถเลือกได้ว่า Focus อะไรเช่น Marketing / HR / Finance / Logistic and Supply Chain Management / Business Analytics and Consultancy / Digital Marketing / MBA / Sustainable Finance with Fintech






ทุกห้องเรียนจะมีอุปกรณ์การเรียนที่ครบครันเหมือนกับ Main campus ที่ UK เลย


ห้อง Digital Classroom จะเป็นห้องเรียนของนักเรียน Business ที่ใช้ทำงาน Project ร่วมกับนักเรียน Campus อื่นๆ
และสิ่งที่เรารู้มาเพิ่มจากการไป University tour ที่นี่คือ มหาลัยนี้ จะสอบเวลาเดียวกัน คือ UK time น้องๆ ที่เรียนที่ Dubai / Malaysia ก็จะต้องสอบพร้อมกันที่เวลาของ UK time ค่ะ



ภาพข้างบน เรายังอยู่ที่ชั้น 5 ค่ะ จะเป็น Student area / Career fair ที่จะมีบริษัทชั้นนำมาจัดงาน เพื่อ Recruit น้องๆ ที่เรียนที่นี่ และอยากหา Job placement / Work after graduate
จากนั้นลงมาต่อที่ชั้น 4 จะเป็นชั้นที่ Focus ด้าน Architecture ค่ะ ซึ่งอย่างที่บอกไปด้านบนนะคะว่าเค้าเปิดสอนสาขานี้เฉพาะที่ดูไบเท่านั้น
เปิดสอน 2 คอร์ส นะคะ คือ
- Architectural Engineering เจ้าหน้าที่ที่พาทัวร์บอกว่า นักศึกษาที่จบคอร์สนี้ได้ทำงานกับหน่วยงานชื่อดังหลายๆ ที่เลย เช่น Emirates Green Building Council, Johnson Controls, Buro Happold, WSP Parsons Brinckerhoff Engineering Service
- Architecture น้องๆ ที่เรียนจบคอร์สนี้จะสามารถใช้วุฒิที่เรียนไปสอบ Professional license เพื่อทำงานได้ เนื่องจากคอร์สเรียนนี้ได้รับ Accrediated โดย RIBA ค่ะ
เมื่อเรียนจบแล้ว เชื่อว่างานรองรับที่ดูไบมีเยอะมากๆ ค่ะ
เราเดินดูที่ Galler Corridor ก่อนที่จะมีผลงานน้องๆ ที่นี่ และไปจบที่ Studios








พื้นที่ในชั้น 4 ก็จะมีส่วนของห้อง VR + Wall of Fame ที่มีชื่อศิษย์เก่าของมหาลัยนี้ด้วยค่ะ





และสุดท้าย เดินไปจบที่ Photography Lab






จากนั้นลงมาที่ชั้น 3 คือชั้นของห้องสมุดค่ะ และที่น้องหุ่นยนต์ที่เอาไว้ให้ช่วยหาหนังสือ ทันสมัยมากๆค่ะ
ภาพในห้องสมุด พี่ไม่ได้เก็บมา มัวแต่ถ่าย VDO เดินตามน้องหุ่นยนต์
แต่ระหว่างที่เดิน มองมาที่วิวถนน เห็นวิว รถบัสของมหาลัย และ สนามบาสค่ะ





ในชั้น 3 นอกจากห้องสมุดก็จะมี Student area ตู้กดน้ำดื่มบริการนักเรียน และห้องเรียน
และต่อมาในชั้น 2 มีห้องเรียนขนาดใหญ่ ลูกเต๋าสองลูกสีเหลือง-น้ำเงิน คือไมค์ ที่อาจารย์จะสามารถโยนไปให้ให้น้องๆ ร่วมตอบคำถามในชั้นเรียนได้





ในชั้น 2 นี้มีห้องอาหารด้วยค่ะ เค้าจะเปลี่ยนเมนูอาหารทุกวัน ราคาถือว่าไม่แพงด้วยค่ะ ประมาณ 200 บาท





และที่นี่เค้ามีตู้รับซื้อขยะ หากเราทิ้งขวดในตู้นี้ เราจะได้เงินจากการแยกขยะด้วยนะคะ


จากนั้นก็ลงมาต่อที่ชั้น 1 ในชั้นนี้ก็ยังมี Zone ของ Student council + Student service centre ด้วยค่ะ








บริเวณ Student council เป็นที่เจอน้องๆ นักเรียนมาชิวกันเยอะมาก และมี University shop ตรงนี้ด้วย มีห้องเล่นเกมส์ และห้องสำหรับน้องๆ ที่ต้องทำ Podcast ก็อยู่บริเวณนี้ค่ะ




และชั้น G ชั้นล่างสุด จะเป็นชั้นที่น้องๆ ที่เรียน Civil Engineering / Automotive Engineering เรียนและมาทำ Lab ที่นี่ค่ะ








จบการทัวร์ห้องเรียนแล้ว สุดท้ายก็มาที่ห้อง Career Service ค่ะ น้องๆที่เรียนจบ หรือกำลังหา Job placement สามารถมาติดต่อที่ห้องนี้ได้เลย การทำงานที่ประเทศดูไบคือ เราไม่ต้องมีสัญชาติ หรือเป็นผู้พำนักถาวร (PR) คือ ก็สามารถทำงานได้ แค่พิสูจน์กับนายจ้างได้ว่า เรามีความสามารถ หากเค้ารับเราทำงาน นายจ้างจะขอ Work Permit ให้เลย ถือว่าเปิดโอกาสในเรื่องการทำงานมากๆ และไม่ต้องเสียภาษีรายได้ด้วยค่ะ รับค่าตอบแทนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย



แล้วชั้น G ก็ยังมี Cafe ด้วย อาหารอร่อย เพราะพี่โอ้ไปลองมาเองแล้วววว




ที่นั่งมากมาย และที่นั่งที่เป็นขั้นๆ บันได สำหรับจัดกิจกรรม Cinema day ค่ะ
ด้านล่าง บรรยากาศหน้ามหาวิทยาลัย ป้ายทางเข้าและเราเอง (พี่โอ้)



เข้ามาในมหาลัย จะเป็น Reception zone และมีมุมถ้วยรางวัลต่างๆ ค่ะ



และมหาวิทยาลัยวิทยาเขตนี้ King Charles III มาเปิดด้วยตนเองด้วยน้า ภาพนี้คือทีมของมหาลัยที่พี่เราเดินทัวร์อย่างละเอียดค่ะ
รอบๆ มหาวิทยาลัย คือเป็นที่ตั้งขอบริษัท Tech ชั้นนำระดับโลก อย่างในภาพก็จะเป็น IBM, Google, Oracle ค่ะ



หากใครสนใจเรียนต่อที่ Heriot-Watt University สามารถทักเข้ามาปรึกษาพี่ๆ IEC Abroad ก่อนได้เลยนะคะ