เส้นทางการเรียนหมอในประเทศอังกฤษ และข้อสอบที่ต้องใช้ในการ admissions - IEC Abroad ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ
ปรึกษาฟรีก่อนตัดสินใจ
Driven by

เส้นทางการเรียนหมอในประเทศอังกฤษ และข้อสอบที่ต้องใช้ในการ admissions

สำหรับน้องๆที่มีความฝันอยากเป็นคุณหมอ และกำลังมองหาโอกาสเรียนต่อในต่างประเทศ ประเทศอังกฤษถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่เปิดโอกาสให้น้องๆได้เรียนรู้จากระบบการแพทย์ชั้นนำระดับโลก ด้วยมาตรฐานการศึกษาที่ยอมรับกันในระดับสากล และหลักสูตรที่เน้นทั้งด้านวิชาการ ทักษะการสื่อสาร และประสบการณ์การทำงานจริงในโรงพยาบาลตั้งแต่ปีแรกของการเรียน การเรียนหมอในอังกฤษจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ วันนี้พี่ๆ IEC Abroad ขอมาพูดถึงเส้นทางกาเรรียนหมอ และ ข้อสอบมาฝากกันค่ะ

เส้นทางการเรียนแพทย์ในอังกฤษ

การเรียนแพทย์ในประเทศอังกฤษโดยทั่วไปจะใช้เวลาทั้งสิ้น 5–6 ปี (ขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่เลือกและระดับความพร้อมของน้องๆก่อนเข้าเรียน) และมีรูปแบบหลักสูตรที่แตกต่างกันออกไปตามมหาวิทยาลัย แต่ส่วนใหญ่จะรวมขั้นตอนดังนี้

  • ปี 1–2 เน้นการเรียนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น กายวิภาคศาสตร์ ชีววิทยา เคมี สรีรวิทยา พร้อมกับการเริ่มต้นฝึกทักษะทางคลินิกพื้นฐาน
  • ปี 3–5 เป็นช่วงการเรียนภาคปฏิบัติในโรงพยาบาล มีการเวียนไปตามแผนกต่างๆ เช่น อายุรกรรม ศัลยกรรม สูตินรีเวช กุมารเวช และอื่นๆ
  • บางมหาวิทยาลัยจะมีการแทรกปี Intercalated Year ซึ่งเป็นปีที่ให้น้องๆหยุดเรียนหลักสูตรแพทย์ไปเรียนปริญญาอีกใบ เช่น BSc หรือ MSc โดยเน้นเรื่องวิจัยหรือวิชาที่สนใจเฉพาะด้านเพิ่มเติม
  • หลังเรียนจบ จะต้องเข้าสู่ขั้นตอน Foundation Programme (2 ปี) เพื่อฝึกงานในฐานะแพทย์ฝึกหัด (Foundation Year 1 และ 2)

คุณสมบัติทั่วไปที่น้องๆต้องมี

  • สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า เช่น A-Levels, IB หรือ Foundation ที่ได้รับการรับรอง
  • เกรดเฉลี่ยดีเยี่ยม โดยเฉพาะในวิชา Biology และ Chemistry
  • ผลสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS for UKVI (Academic) โดยคะแนนรวมมักต้องไม่ต่ำกว่า 7.0 และในบางมหาวิทยาลัยต้องได้คะแนนแต่ละพาร์ทไม่ต่ำกว่า 6.5 หรือ 7.0
  • ต้องสอบผ่านข้อสอบที่ใช้ในการคัดเลือก เช่น UCAT หรือ BMAT ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่สมัคร
  • ผ่านการสัมภาษณ์แบบ MMI (Multiple Mini Interviews) หรือสัมภาษณ์เดี่ยวตามที่แต่ละสถาบันกำหนด
  • เอกสารประกอบ เช่น Statement of Purpose (Personal Statement) และจดหมายแนะนำ (Reference Letter)

หลักสูตรแพทย์สำหรับน้องๆต่างชาติ

  • Undergraduate Medicine (5-6 ปี) สำหรับน้องๆที่จบ ม.6 หรือเทียบเท่า และมีคะแนนสอบครบตามที่สถาบันกำหนด
  • Graduate Entry Medicine (4 ปี) สำหรับน้องๆที่จบปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องมาแล้ว เช่น Biomedical Sciences, Pharmacy หรือ Nursing
  • Foundation Pathway to Medicine สำหรับน้องๆที่ยังไม่มีคุณสมบัติพร้อมเข้าเรียนหลักสูตรแพทย์โดยตรง อาจเริ่มต้นจาก Foundation ปีเดียวที่ออกแบบมาเพื่อเตรียมความพร้อมทางวิชาการและภาษา

ข้อสอบที่ใช้ในการสมัครเรียนแพทย์ในอังกฤษ

น้องๆที่ต้องการสมัครเรียนแพทย์ต้องสอบข้อสอบเฉพาะทางที่แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนด โดยมี 2 ข้อสอบหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่

  • UCAT (University Clinical Aptitude Test)
    • ข้อสอบที่ใช้วัดทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสาร ไม่เน้นความรู้ทางวิชาการ
    • แบ่งเป็น 5 พาร์ท ได้แก่ Verbal Reasoning, Decision Making, Quantitative Reasoning, Abstract Reasoning, และ Situational Judgement
    • สอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
    • ใช้โดยมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ เช่น King’s College London, University of Birmingham, University of Manchester, University of Bristol เป็นต้น
  • BMAT (BioMedical Admissions Test)
    • ข้อสอบที่เน้นความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และการเขียนบทความเชิงวิเคราะห์
    • แบ่งเป็น 3 พาร์ท ได้แก่ Aptitude & Skills, Scientific Knowledge & Applications และ Writing Task
    • ใช้โดยมหาวิทยาลัยชั้นนำบางแห่ง เช่น University of Oxford, University of Cambridge, Imperial College London, University College London (UCL)
    • ข้อสอบมีเฉพาะปีละหนึ่งครั้งในเดือนตุลาคม

ทั้งสองข้อสอบนี้มีระดับความยากแตกต่างกัน และแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีคะแนนขั้นต่ำที่แตกต่างกันไป น้องๆควรวางแผนล่วงหน้าและเตรียมตัวสอบตั้งแต่เนิ่นๆ

เจาะลึกข้อสอบหมอ UK สำหรับน้องๆ ที่อยากเรียนแพทย์ในอังกฤษ:

1. UCAT (University Clinical Aptitude Test)

ใช้โดยมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในอังกฤษ

UCAT เป็นข้อสอบที่ใช้วัดทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร และคุณสมบัติสำคัญของบุคคลที่จะมาเป็นแพทย์ เป็นข้อสอบที่ไม่มีเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์โดยตรง แต่จะเน้นการวัดความสามารถเชิงเหตุผลและศีลธรรม

โครงสร้างของ UCAT ประกอบด้วย 5 ส่วนหลัก

  • Verbal Reasoning
  • Decision Making
  • Quantitative Reasoning
  • Abstract Reasoning
  • Situational Judgement

ระยะเวลาสอบ: 2 ชั่วโมง
ช่วงสอบ: เดือนกรกฎาคม – กันยายน ของทุกปี
คะแนนเต็ม: 3,600 คะแนน (ไม่รวม Situational Judgement ที่ให้เป็น Band 1–4)

มหาวิทยาลัยที่ใช้ UCAT เช่น

  • King’s College London
  • University of Birmingham
  • University of Manchester
  • University of Glasgow
  • Newcastle University
  • University of Southampton
  • University of Nottingham
  • Cardiff University
  • Queen Mary University of London
  • และอีกกว่า 25 มหาวิทยาลัยทั่ว UK

2. BMAT (BioMedical Admissions Test)

ใช้โดยมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันสูง เช่น Oxford, Cambridge และ Imperial College London

BMAT เป็นข้อสอบที่วัดความสามารถทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และทักษะการเขียนเชิงวิเคราะห์ ถือว่าท้าทายมาก เพราะต้องมีทั้งพื้นฐานวิชาการที่ดี และความสามารถในการเขียนเชิงเหตุผล

โครงสร้างของ BMAT ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก

  • Section 1: Thinking Skills (การวิเคราะห์และการให้เหตุผล)
  • Section 2: Scientific Knowledge (ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ระดับ GCSE)
  • Section 3: Writing Task (การเขียนเรียงความ)

ระยะเวลาสอบ: ประมาณ 2 ชั่วโมง
ช่วงสอบ: ตุลาคม ของทุกปี
คะแนนเต็ม: แต่ละพาร์ทมีคะแนนเต็ม 9.0 ยกเว้นพาร์ท 3 ที่ให้ Band

มหาวิทยาลัยที่ใช้ BMAT เช่น

  • University of Oxford
  • University of Cambridge
  • University College London (UCL)
  • Imperial College London
  • Lancaster University
  • Brighton and Sussex Medical School (BSMS)

หมายเหตุ: ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป หลายมหาวิทยาลัยมีแนวโน้มจะเปลี่ยนหรือยกเลิก BMAT โดยเฉพาะ Cambridge Assessment จะเลิกจัดสอบ BMAT ทำให้แต่ละมหาวิทยาลัยอาจปรับเปลี่ยนวิธีคัดเลือก

3. GAMSAT (Graduate Medical School Admissions Test)

สำหรับน้องๆ ที่จะเข้าแพทย์หลักสูตร Graduate Entry (เรียนแพทย์หลังจบปริญญาตรี)

GAMSAT เป็นข้อสอบที่ใช้กันมากในหลักสูตร Graduate Entry โดยเฉพาะที่ St George’s, Swansea, Cardiff, และ Plymouth

ข้อสอบ GAMSAT แบ่งออกเป็น 3 พาร์ท

  • Reasoning in Humanities and Social Sciences
  • Written Communication
  • Reasoning in Biological and Physical Sciences

ข้อสอบมีความยาว ใช้เวลาทั้งวัน คะแนนจะอยู่ในช่วง 0–100 และใช้เพื่อคัดกรองผู้สมัครที่จบปริญญาตรีมาแล้ว

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับน้องๆ ที่เตรียมตัวสอบ

  • เริ่มวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 1–2 ปี เพราะต้องเตรียมทั้งภาษาอังกฤษ (IELTS), ผลการเรียน (GPA), ข้อสอบ UCAT/BMAT/GAMSAT และการเขียน Personal Statement
  • ข้อสอบ UCAT และ BMAT ต้องลงทะเบียนแยกจาก UCAS และมีช่วงสอบที่เฉพาะเจาะจง
  • หากมีเป้าหมายเรียนหมอที่มหาวิทยาลัยท็อป เช่น Oxford หรือ Cambridge ต้องเตรียมเนื้อหาวิทยาศาสตร์ลึก และฝึกเรียงความวิเคราะห์
  • ควรฝึกทำ Mock Test เพื่อจำลองสนามสอบจริงให้ได้มากที่สุด

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณในการเรียนแพทย์ที่อังกฤษ

  • ค่าเรียนระดับปริญญาตรี (สำหรับนักเรียนต่างชาติ): ปีละประมาณ 35,000 – 50,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1.6 – 2.3 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่ายรายเดือน (รวมที่พัก อาหาร เดินทาง): ประมาณ 1,000 – 1,400 ปอนด์ หรือประมาณ 45,000 – 65,000 บาท
  • ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียนเฉพาะทาง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเฉลี่ย 10,000 – 20,000 บาทต่อปี
  • ค่าสอบ UCAT หรือ BMAT: UCAT ประมาณ 120 ปอนด์, BMAT ประมาณ 100 ปอนด์

รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรแพทย์ในสหราชอาณาจักร

England

  • University of Oxford
  • University of Cambridge
  • University College London (UCL)
  • Imperial College London
  • King’s College London
  • Queen Mary University of London (Barts and The London School of Medicine and Dentistry)
  • St George’s, University of London
  • University of Birmingham
  • University of Bristol
  • University of Exeter
  • University of Leeds
  • University of Liverpool
  • University of Manchester
  • Newcastle University
  • University of Nottingham
  • University of Southampton
  • University of Sheffield
  • University of East Anglia (UEA)
  • University of Plymouth
  • University of Lancaster
  • Aston University
  • University of Sunderland
  • University of Central Lancashire (UCLan)
  • Brunel University London
  • Anglia Ruskin University
  • Edge Hill University
  • University of Kent and Canterbury Christ Church University (Kent and Medway Medical School – KMMS)
  • University of Lincoln (in collaboration with University of Nottingham)

Scotland

  • University of Edinburgh
  • University of Glasgow
  • University of Aberdeen
  • University of Dundee
  • University of St Andrews (Year 1–3 only, then transfer to partner universities)

Wales

  • Cardiff University
  • Swansea University (Graduate Entry only)

Northern Ireland

  • Queen’s University Belfast
  • Ulster University (เปิดรับรุ่นแรกในปี 2021)

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับน้องๆที่สนใจเรียนหมอในอังกฤษ

  • การสมัครเรียนแพทย์ในอังกฤษสามารถยื่นผ่านระบบ UCAS ได้สูงสุด 4 สาขาแพทย์เท่านั้น และ 1 สาขาอื่น (รวมเป็น 5)
  • ควรเริ่มเตรียมตัวอย่างน้อย 1-2 ปีก่อนสมัคร เช่น เตรียมสอบ UCAT หรือ BMAT ตั้งแต่ช่วงม.5 หรือ ปี 1 มหาวิทยาลัย
  • หมั่นทำกิจกรรมอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสุขภาพ การดูแลผู้ป่วย หรือเข้าร่วมเงาแพทย์ เพื่อเพิ่มโอกาสผ่านการสัมภาษณ์
  • เขียน Statement ให้ดี มีความเป็นตัวเอง และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความเข้าใจในวิชาชีพแพทย์
  • อย่าลืมตรวจสอบข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัย เพราะบางแห่งอาจมีข้อกำหนดพิเศษเพิ่มเติม

การเรียนหมอในประเทศอังกฤษถือเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ท้าทายแต่ก็คุ้มค่ามาก หากน้องๆมีความมุ่งมั่น มีเป้าหมายที่ชัดเจน และเตรียมตัวมาอย่างดี โอกาสที่จะได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเลยค่ะ หากน้องๆสนใจ สามารถทักเข้ามาปรึกษาพี่ๆ IEC Abroad ก่อนได้เลยนะคะ

บทความอื่นๆ

ปรึกษา IEC Abroad ยินดีให้คำแนะนำทุกขั้นตอน

.
Blog Footer

.
Scroll to Top