เมื่อพูดถึงการไปเรียนต่อมัธยมที่ประเทศอังกฤษ หนึ่งในคำถามสำคัญที่ผู้ปกครองและน้องๆ มักสงสัยก็คือ Traditional Schools หรือ International Colleges คืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร? ทั้งสองโรงเรียนมีจุดเด่นแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของหลักสูตร วิธีการสอน การดูแลนักเรียน ไปจนถึงบรรยากาศของโรงเรียน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การเรียนรู้และการเติบโตของน้องๆ ในอนาคต
วันนี้พี่ๆ IEC Abroad จะพาน้องๆ มาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง Traditional Schools และ International Colleges ในอังกฤษ เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเลือกเส้นทางการเรียนต่อของน้องๆ ชัดเจนและเหมาะสมมากที่สุด


Traditional Schools คืออะไร?
Traditional Schools หรือที่เรามักเรียกกันว่าโรงเรียนมัธยมแบบดั้งเดิมของอังกฤษ เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนตามระบบการศึกษาของอังกฤษ (British National Curriculum) โดยทั่วไปจะรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 11–18 ปี โรงเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีประวัติยาวนานและมีชื่อเสียง เช่น Kingswood School, Whitgift School, Sidcot School, The Leys School ซึ่งโรงเรียนลักษณะนี้ให้ความสำคัญกับการเรียนแบบองค์รวม ทั้งด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และคุณธรรม
โรงเรียนประเภทนี้มักมีบรรยากาศแบบอังกฤษแท้ๆ และให้น้องๆ ได้ใช้ชีวิตร่วมกับนักเรียนท้องถิ่น จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมจริงและเรียนรู้วัฒนธรรมอังกฤษไปพร้อมกัน
International Colleges คืออะไร?
International Colleges คือโรงเรียนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับน้องๆ นักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อในสหราชอาณาจักร โรงเรียนประเภทนี้จะเน้นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เช่น หลักสูตร GCSE, A Level หรือ Foundation Program โดยมีการสอนภาษาอังกฤษและปรับตัวทางวิชาการควบคู่ไปด้วย
International Colleges มักมีชั้นเรียนขนาดเล็ก ทำให้ครูสามารถดูแลน้องๆ ได้ใกล้ชิดกว่า และมีทีมแนะแนวที่ช่วยให้น้องๆ วางแผนการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ตรงเป้าหมาย เช่น MPW, David Game College, OICB, Abbey Cambridge เป็นต้น
ตารางเปรียบเทียบ Traditional Schools กับ International Colleges
| หัวข้อเปรียบเทียบ | Traditional Schools | International Colleges |
|---|---|---|
| กลุ่มนักเรียนหลัก | นักเรียนอังกฤษและนักเรียนต่างชาติผสมกัน | นักเรียนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ |
| อายุที่รับเข้าเรียน | รับตั้งแต่อายุ 11–18 ปี | รับตั้งแต่อายุ 14–18 ปี |
| หลักสูตรการเรียน | British National Curriculum (GCSE & A Level) | หลักสูตรปรับให้เหมาะกับนักเรียนต่างชาติ เช่น GCSE, One-year GCSE, A-Level Fast Track A Level, Foundation Year และ ESL สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หรือ Summer Course เรียนระยะสั้นก่อนเข้าเรียนจริง |
| สไตล์การเรียนการสอน | เน้นทั้งด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และกิจกรรมนอกห้องเรียน | เน้นวิชาการและการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย |
| ภาษาอังกฤษของนักเรียน | ส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในชีวิตประจำวัน | มีการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อเตรียมความพร้อม (English as a Second Language – ESL) |
| การดูแลนักเรียน | มีระบบดูแลเข้มงวด โดยเฉพาะในโรงเรียนประจำ (Boarding School) | มีระบบดูแลเฉพาะสำหรับนักเรียนต่างชาติ เช่น English Support และ University Guidance |
| สภาพแวดล้อมการเรียน | เป็นบรรยากาศแบบอังกฤษแท้ๆ มีวัฒนธรรมดั้งเดิม | เป็นบรรยากาศนานาชาติ มีเพื่อนจากหลากหลายประเทศ |
| กิจกรรมเสริม | กีฬา ดนตรี ศิลปะ และกิจกรรมภายในโรงเรียนมากมาย | กิจกรรมส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย เช่น Workshops และ Career Talk |
| เป้าหมายหลักของการเรียน | สร้างความสมดุลระหว่างการเรียนและการพัฒนาบุคลิกภาพ | เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรหรือระดับนานาชาติ |
| การเข้ามหาวิทยาลัยต่อ | เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้ แต่ต้องมีการแนะแนวเฉพาะทางเพิ่มเติม | ได้รับการแนะแนวอย่างใกล้ชิดจากทีมที่เชี่ยวชาญด้านการสมัครมหาวิทยาลัย |
ข้อดีของ Traditional Schools
- ได้เรียนในสภาพแวดล้อมแบบอังกฤษแท้ๆ ซึ่งช่วยให้น้องๆ พัฒนาภาษาอังกฤษได้รวดเร็ว
- ระบบการเรียนมีความสมดุลทั้งด้านวิชาการ กีฬา ศิลปะ และคุณธรรม
- ได้สร้างเครือข่ายเพื่อนกับนักเรียนท้องถิ่น ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากในระยะยาว
- เหมาะกับน้องๆ ที่อยากเรียนในระบบมัธยมอังกฤษอย่างต่อเนื่องจนจบ A Level
ข้อดีของ International Colleges
- มีหลักสูตรและการสอนที่ปรับให้เหมาะกับนักเรียนต่างชาติ
- ครูผู้สอนเข้าใจความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรม จึงช่วยให้น้องๆ ปรับตัวได้ง่าย
- มีทีมแนะแนวที่ช่วยวางแผนการเรียนต่อมหาวิทยาลัยอย่างละเอียด
- สามารถเลือกคอร์สเร่งรัด เช่น One-Year GCSE หรือ Fast Track A Level สำหรับน้องๆ ที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยเร็วขึ้น
แล้วน้องๆ ควรเลือกแบบไหน?


การเลือกว่าจะไปเรียนที่ Traditional School หรือ International College ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและบุคลิกของน้องๆ แต่ละคน หากน้องๆ อยากสัมผัสวัฒนธรรมอังกฤษแบบเต็มรูปแบบ เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับนักเรียนท้องถิ่น และพัฒนาทักษะรอบด้าน Traditional School จะเหมาะสมที่สุด
แต่ถ้าน้องๆ มีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ต้องการการเรียนแบบเข้มข้น พร้อมการดูแลและแนะแนวอย่างใกล้ชิด International College จะตอบโจทย์มากกว่า โดยเฉพาะสำหรับน้องๆ ที่อาจยังต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษหรือปรับตัวกับระบบการศึกษาตะวันตก
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเลือกแบบใด ทั้ง Traditional Schools และ International Colleges ต่างก็มีจุดแข็งที่ช่วยให้น้องๆ ก้าวไปสู่ความสำเร็จทางการศึกษาได้อย่างมั่นคง สิ่งสำคัญคือการเลือกเส้นทางที่เหมาะกับตัวน้องๆ มากที่สุด ทั้งในด้านความพร้อม ความสนใจ และเป้าหมายในอนาคต เพื่อให้การเรียนต่อที่อังกฤษไม่ใช่แค่การศึกษาในห้องเรียน แต่เป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่าและน่าจดจำตลอดไป
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาก่อนตัดสินใจเรียนต่อต่างประเทศ สามารถติดต่อพี่ๆ IEC Abroad เข้ามาได้เลยนะคะ
