พี่โอ้ IEC Abroad ได้เดินทางไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยต่างๆ ใน Los Angeles ก็ไม่พลาดเก็บภาพบรรยากาศโดยรวมมาฝาก ให้กับน้องๆ ที่สนใจไปเรียนต่อ US ค่ะ พร้อมทั้งแถมที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาด ในปี 2024 นี้เลยค่ะ
ทำความรู้จัก LA กันดีกว่า
Los Angeles ชื่อเมืองที่มีชื่อคุ้นเคยที่เราจะเรียกกันสั้นๆ ว่า LA ตั้งอยู่ในรัฐ California (CA) และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเช่นอาทิเช่น Universal Studios Hollowood, Disneyland, Beverly Hills, Santa Monica และพิพิธภัณฑ์ที่มากกว่า 100 แห่ง สภาพภูมิประเทศของเมืองนี้คือราบลุ่ม (อารมรณ์อยุธยา) และล้อมรอบไปด้วยภูเขา ตึกสูงๆ จะอยู่ใจกลางเมืองเท่านั้น
LA เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากร 3.9 ล้านคน มีความผสมผสานของคนจากหลายหลายเชื้อชาติ และที่ก็มีคนเอเชียอยู่เยอะด้วย มี Little Tokyo ที่เป็นแหล่งรวมคนญี่ปุ่น (มีรูปข้างล่างค่ะ) China Town ของคนจีน Korean Town ของคนเกาหลี และก็มี Thai Town ของคนไทยด้วย
การเดินทางในเมือง LA
สามารถเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะ (Bus/ Rail/ Subway) ราคาต่อเที่ยวการเดินทาง คือ $1.75 (update on January 2024) หรือ taxi / uber แต่จริงๆ การมีรถส่วนตัวก็ค่อนข้างสะดวก เพราะประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่ สถานที่ต่างๆ ของข้างห่างกัน ใช้เวลาเดินทางพอสมควร จึงทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะอาจจะไม่สะดวก ทั้งนี้การมีรถส่วนตัวก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากราคารถยนต์ที่นี่ไม่แพง และถึงแม้จะเป็นรถมือสองก็ยังคุณภาพดี และยังประหยัดการเดินทางได้มากด้วยรถส่วนตัว
- การเดินทางด้วยรถไฟสาธารณะคือ Metro จะมีค่าบัตร Tap ราคา $2 จริงๆ ไม่แพงเลย และการเดินทางคือ ครั้งละ $1.75 ไม่แพง แต่ไม่ควรเดินทางกลางคืนคนเดียวนะจ๊ะ อันตราย
หน้าตาบัตร Tap คือรุ่นปกติ จะเป็นสีฟ้า แต่ในบางเดือนก็เปลี่ยนแบบ ตามเทศกาล
สภาพภูมิอากาศ เรียกได้ว่าอากาศดีตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 12 – 25 องศาเซลเซียส ซึ่งจะไม่หนาวมาก และ ไม่ร้อนมาก จึงเป็นเมืองที่ถูกเลือกให้ถ่ายภาพยนตร์ เพราะถ่ายได้ตลอดทั้งปีเลย น้องๆที่มาเมืองนี้ก็ไม่ต้องแบกเสื้อกันหนาวหนาแบบอากาศติดลบ และยังมีวันที่สามารถใส่เสื้อยืดชิวๆ อีกทั้งไร้ซึ่งปัญหา PM2.5 หน้าสิวแน่นอน
อาหารการกิน และ การใช้ชิวีต ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาของใช้ราคาไม่แพงซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศไทย หลายอย่างหาซื้อได้ที่นี่ถูกกว่าด้วยเช่น Cerave และ วิตามินต่างๆ แต่สิ่งที่แพงกว่าคือเรื่องของอาหารการกิน ซึ่งแนะนำว่า น้องๆที่มาเรียนที่ประเทศนี้ควรทำอาหารทางเองในบางมื้อ เพื่อประหยัดค่าครองชีพได้เยอะเลย
อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า แนะนำซื้อที่ Target ค่ะ ไม่แพง หรือหากเอามาจากที่ไทยก็เสียบใช้ได้เลย เพราะ plug แบบเดียวกัน อิงจาก ปลั๊กสายชาร์จของ iphone
น้ำดื่ม สามารถดื่ม tap water ได้ หากไม่แน่ใจก็ซื้อเหยือกกรองน้ำได้ค่ะ แต่ค่าน้ำแพงมาก ปกติคนที่นี่จะมี tumble กระบอกน้ำส่วนตัวติดตัวกัน เวลาไปไหนมาไหนก็เห็นตลอดเลย
สิ่งที่แนะนำให้นำมาอีก 2 อย่างคือ แว่นตากันแดด และ หมวก เพราะในวันที่อากาศดี แดดออก แดดแรงมากค่ะ
ซึ่งพี่โอ้ จะลิสต์สถานที่เที่ยวที่ได้ไปชมมาให้น้องๆ ได้ไปตามกันค่ะ
LA Downtown
KFC ที่อยู่ข้างถนนสูงมาก
วนมาของกินที่เพื่อนๆ และ คนขับ Uber บอกให้ไปกิน หลายคนพูดเยอะมาก จนต้องไปลอง Burger ปกติไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ Burger แต่ของร้าน In-N-Out คือดี ไม่แพง ผักสด สั่งง่าย จะเอาแบบ 1-2-3 เลือก ซึ่งในเซ้ต จะมีน้ำ เฟรนฟราย และ เบอร์เกอร์ จากนั้นก็รอ และกิน จากที่เรานั่งกินคือ แอบคิดเองว่า ถ้าช่วงเวลาอาหาร คิดว่าร้านจะต้องขายได้ 50+ orders ต่อ 1 ชั่วโมงแน่ๆ
อีกร้านของกินแนว American fast food คือ Chipotle เจ้าของเดียวกับ McDonald’s โดยเมนูจะเป็นแนว tacos, burritos, salads, bowls ค่ะ
Beverly Hills
ย่าน shopping mall ชื่อดัง มี brand name high end มากมายเรียกว่าย่าน Rodeo Drive ไปตรงนี้มาช่วงวันวาเลนไทน์ และละแวกนี้ก็มีร้าน Erewhon อีกร้าน แน่นอน เราก็ไปจัด 555
ขอพูดถึง Erewhon สักหน่อยค่ะ โดย Erewhon เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อสุขภาพสุดหรู ในสหรัฐอเมริกา และยังขึ้นชื่อว่าเป็น “หนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายสินค้าราคาแพงที่สุดในสหรัฐอเมริกา” โดยมีเมนูยอดนิยม คือ Smoothie ที่มีราคาอยู่ที่แก้วละ เกือบ 700 บาท และกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ดาราเซเลป อย่าง Hailey Bieber หรือ ชมพู่ อารยา อีกด้วย
บอกเลยว่า เพื่อน้องๆ พี่โอ้ ก็ได้สั่งมาชิมเกือบครบทุกรสชาติ ทั้งสีม่วง, ส้ม, เหลือง และ ชมพู
โดย New menu ที่ Erewhon คือสีม่วงค่ะ 10/10 ค่ะ ราคามีหลายหลาย แต่สีม่วงนี้ $19 ค่ะ ราคาหรูหรามาก ส่วนสีส้ม $13 จะเผ็ดแบบมีขิงผสม ไม่อร่อยเท่าสีม่วง
Santa Monica Pier
ที่เที่ยวที่ไม่ไกลจาก downtown นั่งรถไฟสายสีเหลือง E ออกมาก็ถึงเลย มีสวนสนุกที่สามารถไปเล่นได้ ชื่อว่า Pacific Park อีกทั้งที่นี่ยังมีชายหาดซานตาโมนิก้า ให้ไปเดินเล่นกันด้วยนะคะ และยังเป็นจุดนัดพบยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ใกล้ๆ มีหาดเวนิส และ หาดมาลิบู ด้วยค่ะ
และย่านนี่ยังมีแหล่ง shopping – walking street + มีห้าง Nordstrom ตรงนี้และร้าน LV อยู่ค่ะ
The Board
พิพิธภัณฑ์โชว์งานศิลปะ ในเมือง ถือเป็นมิวเซียม Contemporary Arts ที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ
Walt Disney Concert Hall
โรงคอนเสิร์ตแห่งนี้ ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะแลนด์มาร์คทางสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ โดยโรงคอนเสิร์ตวอลต์ดิสนีย์จัดการแสดงดนตรีคลาสสิกและร่วมสมัยค่ะ
Angel Flight Railway
ค่าขึ้น $1 แต่ถ้าแตะบัตร Tap จะคิดแค่ $0.50 ค่ะ
The Museum of Contemporary Art
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (MOCA) เน้นโชว์ศิลปะร่วมสมัยให้ผู้ชมที่หลากหลาย ผ่านการรวบรวม อนุรักษ์ และนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยที่ดีที่สุดให้น้องๆได้เข้าชมกันค่ะ
หากใครจะมา The Board ควรแวะไปชม Walt Disney Concert Hall และเดินไปดู The Museum of Contemporary Art ได้ด้วย อยู่ไม่ไกลกัน และถ้าหิวก็เดินไปขึ้นรถราง Angel Flight Railway เพื่อลงทำตลาดชื่อว่า Grand Central Market ที่มีร้านอาหารนานาชาติให้เลือกกินเลย แต่ร้านที่ popular ตอนนี้คือ eggslut เราก็ไปจัด
จากนั้นข้ามถนนมาที่ Blue Bottle กาแฟชื่อดังที่ไม่ทำให้คุณผิดหวัง จริงๆ แต่ร้านจะ busy มาก จริงๆ Blue Bottle ที่ LA มีทั้งหมด 17 สาขา ปกติจะไปสาขาใน Koreantown คือไม่ค่อยคนเลย ชอบมากกว่า
จากนั้นก็วนไปอีกนิดจะเจอร้านหนังสือ The Last Bookstore ที่มีที่ถ่ายรูปได้
การเดินทาง สามารถนั่งรถไฟลงที่สถานี Pershing Square แต่ลงรถไฟมา จะตกใจก่อน เพราะ homeless เยอะมาก แนะนำไม่อยากตกใจนั่ง uber ค่ะ
Natural History Museum
ค่าเข้า $18 แต่ถ้านั่งรถไป จะลดให้ $2 คือตอนซื้อตั๋วเค้าจะถามว่านั่งรถบัสมาไหม แค่ตอบว่าใช่ ได้ลด $2 เลย เหลือ $16 ข้างในจะมีโครงกระดูกสัตว์ใหญ่ๆ เช่นไดโนเสาร์ ปลาวาฬ และอื่นๆ มากมาย และประวัติความเป็นมาของเมือง Los Angeles
Hollywood Walk of Fame
ตั้งอยู่บนถนนฮอลลีวูด ( Hollywood Boulervard) ตัดกับ ถนนไวน์ (Vine Street) เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คของลอสแอนเจลิสค่ะ ในปี ค.ศ. 1978 ที่นี่ถูกยกให้เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของลอสแอนเจลิส และถูกเรียกว่า “ย่านของฮอลลีวูดสตาร์ (Hollwood Star Road)” นั่นเองค่า ทั้งสองฝั่งพื้นถนนของเส้นนี้จะถูกประดับไปด้วยรูปดาว พร้อมชื่อของนักแสดง ผู้กำกับ นักร้อง นักดนตรี วงดนตรี และคนมีชื่อเสียงด้านต่างๆ ของวงการฮอลลีวูด ยาวถึง 15 บล็อก
Thai Town
เดินทางด้วย Metro B Line subway ลงที่ Hollywood/Western มีร้านอาหารไทย และ ร้านสะดวกซื้อมากมาย เดินขึ้นมาจาก subway เห็นเสาไฟที่มีกินรีคือรู้ทันที ถึงแล้ว
ด้านหลัง Thai Town เราจะเห็น Griffith Observatory หรือหอดูดาว และ มองเห็น Hollywood Sign ด้วย ที่หอดูดาวนี้แนะนำให้ไปเพราะว่าไม่มีค่าเข้าชม และ รถบัสที่นั่งขึ้นไปก็ฟรีด้วย สามารถได้ถ่ายรูปเห็นเมือง LA และ Hollywood Sign ด้วย
Griffith Observatory
หอดูดาวที่แนะนำน้องที่สนใจด้านดาราศาสตร์ ที่ไม่ใช่การดูดวง 555 เพราะว่าจะได้เรียนรู้ประวัติของกล้องดูดาว กล้องโทรทรรศน์ การเกิดวัน เดือน ปี ฤดูกาล เวลาต่างๆ น่าสนใจมากๆค่ะ
พี่โอ้ขอจบพาร์ท 1 ไว้ที่ตรงนี้ก่อนที่จะยาวเกินไป น้องๆ คนไหนสนใจไปเที่ยวตาม IEC Abroad สามารถติดตามพาร์ท 2 ได้เลยนะคะ และหากสนใจเรียนต่อที่ US ทักเข้ามาปรึกษาพี่ๆได้เช่นเคยค่ะ